ได้มีบางท่านสอบถามผมมาว่า พระเครื่อง เครื่องรางต่าง ๆ ที่เราพกพาหรือบูชาที่บ้าน จำเป็นต้องมีการกล่าวคำบูชา คำอาราธนาไหม ? เรื่องนี้ เมื่อก่อนผมเองก็ไม่ค่อยได้คิดว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็น แต่เมื่อมีคำถามมาก็เริ่มหาเหตุผลในการตอบ
ก่อนที่ผมจะตอบ เขาเล่าเรื่องของเพื่อนของพ่อผมให้ฟัง เขาเป็นคนชอบถือปืนเข้าป่าหายิงนกมาเป็นอาหาร ซึ่งเขาเข้าไปเป็นประจำตามแบบการใช้ชีวิตของคนอีสานและเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่ายิงปืนแม่น เมื่อมีโอกาสผมจึงได้ถามเขาว่า ทำไมถึงได้ยิงแม่นได้ตามเป้าหมาย เข้าป่าทีไรได้อาหารมาทุกที เขาก็ตอบประมาณว่า ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย เช่น ปืนดี สุขภาพเราแข็งแรง ฝึกยิงบ่อย เป้านิ่ง และจิตเราต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับปืนที่เราจับเล็งอยู่ ถ้าเป็นแบบนี้ โอกาสที่มีผลก็ย่อมมีมากขึ้น
จากเรื่องของนักแม่นปืนข้างบน ผมจึงนำมาเปรียบกับการที่เรามีพระเครื่อง เครื่องราง แล้วทำยังไงเครื่องรางนั้น ๆ ถึงจะคุ้มครองเรา ก็คงต้องมีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง อยู่เหมือนกัน อย่างเช่น
- พระเครื่องดี ก็เหมือนมีปืนดีนั่นแหล่ะครับ การที่มีพระเครื่องดี ผ่านพิธีพุทธาภิเษกมา ผ่านการอธิษฐานจิต แผ่เมตตามาจากครูอาจารย์มา ผมว่าก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พระเครื่องนั้น ๆ มีประสิทธิผล มีอำนาจแห่งพระพุทธคุณ หรืออิทธิคุณต่าง ๆ ตามกำลังจิตสมาธิหรือตามเจตนาจิตของผู้ที่ทำการอธิษฐานปลุกเสก
- มีบุญเก่าหนุน คนที่สวมใส่บูชาพระเครื่อง เครื่องรางก็ควรที่จะเป็นคนดี หรือมีกรรมดีเก่าหนุนช่วยอยู่บ้าง การบูชาพระเครื่อง เครื่องรางเหล่านั้นจึงเป็นสิ่งหนุนภายนอกอีกประการหนึ่ง
- ทำบุญใหม่เนื่อง ๆ กรรมดีใหม่ หรือการเป็นคนดี ทำกรรมดีในปัจจุบันก็เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าไม่น้อย เพราะบุญเก่าที่เราเคยทำมาในอดีต เรารู้ไม่ได้ว่าเราเคยทำมามากน้อยแค่ไหน และไม่รู้ว่าบุญเก่าจะหมดเมื่อไหร่ อย่างที่เขาเรียกว่าดวงตกไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
- จิตใจเราต้องเป็นหนึ่งเดียวกับเครื่องราง เหมือนดังที่นักแม่นปืน จิตใจเขาต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับปืน หรือนักรบเขาต้องทำความรู้สึกให้ได้ว่าดาบที่อยู่ในมือเขานั้นเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะร่างกายเขา กับพระเครื่อง เครื่องรางก็เหมือนกัน จิตของเขาต้องสัมพันธ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเครื่องรางที่เขามีอยู่ แล้วทำยังไงล่ะจิตถึงจะสัมพันธ์สื่อสารกับเครื่องรางได้ หนึ่งในวิธีนั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่า คาถา คำอาราธนา คำบูชานั่นเอง
เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว ท่านคงเข้าใจแล้วนะครับว่า พระเครื่อง เครื่องรางต่าง ๆ จำเป็นมีการกล่าวคำอาราธนาไหม มีการกล่าวคำบูชาไหม มีคาถากำกับไหม เพื่อที่จะให้จิตของเรานั้นมีความสัมพันธ์กับเครื่องรางในแต่ละสาย สำหรับพระเครื่องที่เป็นพระพุทธ ก็มีการอาราธนาพระเครื่องเสียก่อน หรือจะสวดพระมนต์กำกับด้วยก็จะเป็นผลดีไม่น้อย เครื่องรางก็เช่นกัน เพื่อให้เครื่องรางไม่ว่าสายใด ๆ ก็ตาม สายเมตตา สายแคล้วคลาด สายเหนียวก็ควรมีการอาราธนา หรือมีคาถากำกับด้วย เพื่อเป็นเชื่อมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวแห่งจิตของเรากับเครื่องรางนั้น ๆ แต่ถ้าจิตของเราเข้มแข็งแล้ว พร้อมแก่การงานแล้ว จะน้อมนำไปทางไหนก็ได้ทั้งนั้น สรุปแล้ว พระเครื่อง เครื่องราง ควรที่จะกล่าวคำบูชา คำอาราธนา หรือคาถาที่แต่ละสำนักให้มาครับ ยิ่งถ้าเป็นพระเครื่องที่เป็นพระพุทธแล้ว การกล่าวคำบูชา คำอาราธนา ก็เป็นการภาวนาอย่างหนึ่ง เป็นพุทธนุสสติ เป็นการทำบุญหนุนดวง หนุนกรรมเก่าให้ดีขึ้น เสริมกรรมดีใหม่ให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น