7 Nari Phan Lak : LP.Prasuti Wat Nai Tao : 7 นารีพันหลัก หรือ เจ็ดนารีพันหลัก ของพระอาจารย์ประสูติ ปิยธมโม เจ้าอาวาสวัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ (วัดในเตา) ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง อันที่จริงผมก็ได้ยินมานานแล้วครับ แต่ไม่ค่อยได้สนใจอะไรมากมาย อาจจะเป็นเพราะว่ามีอคตินิด ๆ ว่าเป็นของใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจหนุ่มเพลย์บอยทั้งหลาย ไม่คิดว่าจะมีอิทธิคุณอะไร แค่รูปลักษณ์และชื่อโดนใจคนก็เท่านั้น
ต่อมาวันหนึ่ง หนุ่มใหญ่ข้างบ้านได้นำสิ่งนี้มาให้ผม และบอกว่า “ผมไม่ไหวล่ะ วัน ๆ มีแต่สาว ๆ ตามติด จนไม่เป็นการทำการทำงาน และที่สำคัญเมื่อสาวมาติดผมห้ามใจไม่อยู่น่ะสิ ต้องเลยตามเลย และเสร็จทุกรายไป ผมเหนื่อยล่ะ เสียงานเสียการ อยากทำมาหากินบ้าน ไม่ต้องถึงกับเจ็ดนารีพันหลักหรอก ตอนนี้ผมเอาแค่คนเดียวก็พอ อายุเริ่มมากแล้ว ส่วนคุณอายุยังน้อย ยังมีเวลาทำการทำงาน ยังแข็งแรง สาวเกี้ยวพันเป็นร้อยก็ยังไหว” เมื่อเขากล่าวอย่างนั้นจบ เขาจึงมอบสิ่งนี้ให้ผมมา (และผมก็ให้เงินไปซื้อหนมให้สาวตามระเบียบ แต่ก็ไม่มากนัก)
อันที่จริงผมก็รู้แต่ว่า นารีพันหลัก หรือเจ็ดนารีพันหลัก แต่ไม่รู้ว่าแท้หรือไม่ แต่ดูแล้วเป็นของที่ใช้มาอยากโชกโชน น่าจะเป็นของยุคแรก ๆ ผมส่องดูด้านล่างมีผงหรือสีผึ้งนี่แหล่ะ แต่แห้งแล้ว ผมใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพไม่ค่อยชัด เพราะยังไม่คิดที่จะขาย ขอไว้ใช้เองก่อน แหม ของอย่างนี้ใคร ๆ ก็ชอบครับ ยิ่งมาบอกประสบการณ์สรรพคุณอย่างนี้แล้ว ต้องลองสักหน่อย
ตำนาน 7 นารีพันหลัก
สร้างจากตำนานอาลัยรักบันลือโลก… (ตามความเชื่อของเรา) อันเนื่องมาจากนารีทั้งเจ็ดเป็นธิดาของท้าวกบิลพรหมที่จะต้องตัดศีรษะตัวเอง เพราะพ่ายแพ้ต่อธรรมบาลกุมารที่สามารถตอบปัญหาที่ตนเองตั้งขึ้นได้ทุกข้อ ปัญหาก็คือ
1. เช้าราศีอยู่แห่งใด (อยู่ที่หน้า)
2. เที่ยงราศีอยู่แห่งใด (อยู่ที่อก)
3. เย็นราศีอยู่แห่งใด (อยู่ที่เท้า)
แต่เนื่องจากศรีษะของท้าวกบิลพรหมนั้นถ้าตกไปบนดินก็จะเกิดเป็นไฟไหม้ทั่วโลก ถ้าโยนขึ้นบนอากาศฝนจะแห้งแล้ง แต่ถ้าทิ้งลงไปทะเลน้ำจะเหือดแห้งหมด โลกก็จะได้รับความเดือดร้อน (กบิลพรหมก็มีเมตตาไม่น้อยนะ มีธรรมะด้วย คือมีสัจจะ ไม่มีความอาฆาตต่อธรรมมารกุมารเลยแม้แต่น้อย) ดังนั้น จึงสั่งให้ลูกสาวทั้งเจ็ดนางนำพานมารองรับ ศีรษะของตน แล้วเดินวนรอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วนำจึงนำไปไว้ที่ถ้ำคันธุลีเขาไกรลาศ ซึ่งนารีทั้งเจ็ดนี้คือ ทุงษะ- โคราคะ- รากษก- มณฑา- กิริณี- กิทิมา- มโหธร และนางก็ได้ปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจำทุกปี จึงกลายเป็นตำนาน นางสงกรานต์ทั้ง 7 วัน
พระอาจารย์ประสูติได้นำเอานารีทั้งเจ็ดมาเป็นอุปเท่ในการสร้าง “เจ็ดนารีพันหลัก” แสดงถึงความรัก ความอาลัย ความกตัญญู ที่นางทั้งเจ็ดได้มีต่อบิดาอย่างไม่ลืมเลือน
อานุภาพแห่ง 7 นารีพันหลัก หรือนางแก้วทั้ง 7
ท่านว่าเป็นการสร้างจากวิชาที่เน้นความอาลัยอาวรณ์ติดแน่นไม่ห่างไกลไปไหน อันความอาลัยนี้ เหนียวแน่นยิ่งกว่าความเสน่หา ติดแน่นแม้ตายไปแล้วก็ยังอาลัยคะนึงหาไม่เว้นวัน ประมาณว่าตายไปแล้วก็ยังรักเคารพปรนนิบัติทำบุญหา อย่างที่เรื่องเล่าจากแม่ของผม ตอนที่ย่าได้ตายจากไป ปู่ได้นำข้าวปลาอาหารไปวางไว้ที่หลุมศพทุกวัน และเรียกคุณย่าให้มากินข้าวทุกวัน นี่คือความอาลัยที่มีต่อคุณย่า ซึ่งต่างเสน่หา เมื่อหมดเสน่ห์หมดความสวยความหล่อก็หมดเสน่ห์ หรือเมื่อตายจากกันแล้วก็หมดสิ้นเยื่อใยต่อกันไป สำหรับคุณสมบัติหรืออานุภาพของ 7 นารีพันหลักพอสรุปได้ดังนี้
- เป็นเครื่องที่ใช้ได้ทั้งผู้หญิง-ผู้ชาย
- เครื่องรางที่เพิ่มเสน่ห์แก่ผู้บูชาใครเห็นก็รักก็ชม ใครเห็น ต่าง หลงรัก หลงไหลด้วยความเสน่หา อาลัยยิ่ง
- โชคลาภ ก็ไม่ยิ่งหย่อน เหมือนมีนางมาจัดให้
- เมตตา มหาเสน่ห์เป็นเยี่ยม
- มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู โดยเฉพาะนารีอุปถัมภ์
- ค้าขาย คนเข้ามาไม่ขาดสาย
- ติดต่อธุรกิจไม่ติดขัด
คาถา 7 นารีพันหลัก : Khatha 7 Nari Phan Lak
ก่อนสวดคาถาใด ๆ พึงตั้ง นะโม 3 จบก่อน เพื่อที่จะให้เราไม่ขาดจากพระรัตนตรัย จากนั้นจึงค่อยสวดคาถา 7 นารีพันหลักว่า
กามมะลามัง อิตถีลึงคะ อะกันตะ ติดฉามิ พันธัง ปิยัง มะมะ
Kam Ma La Mang Itthi Lueng Kha A Kan Ta Tit Cha Mi Phan Thang Pi Yang Ma Ma
จากนั้น พึงตั้งใจอธิษฐานตามต้องการ