สีผึ้งเป็นอีกหนึ่งเครื่องรางที่ผมแนะนำให้ผู้ที่แสวงหาเครื่องรางที่ช่วยส่งเสริมด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ได้หามาใช้ทา หรืออย่างน้อยก็พกติดตัวไว้
การใช้สีผึ้งต้องมีคาถา
อย่าคิดว่าคาถาสีผึ้งไม่จำเป็นนะครับ บางทีตัวคาถาจำเป็นยิ่งกว่าตัววัตถุมงคลเสียอีก คาถาเป็นการแสดงความเคารพนอบน้อมต่อครูอาจารย์ บางคาถาบ่งบอกว่าเราเป็นศิษย์ของอาจารย์สายไหน คาถาใช้เชื่อมความสัมพันธ์ของเรากับเครื่องราง คาถาใช้แสดงความต้องการของเราต่อเครื่องรางนั้น ๆ คาถาเป็นตัวกำหนดเป้าหมายสิ่งที่เราต้องการ คำว่าคาถานี้ รวมถึงคำพูดคำกล่าวที่เป็นภาษาตนภาษาท้องถิ่นนะครับ ไม่ใช่ว่าคาถาต้องเป็นภาษาบาลีอย่างเดียว เช่นคำว่า ….เห็นหน้ามารักกู… แบบนี้ก็เรียกว่าคาถาเช่นกัน
วิธีใช้สีผึ้งต้องมีเป้าหมาย
การใช้สีผึ้งนั้น นอกจากมีคาถาแล้ว ยังมีเป้าหมายว่าเราจะใช้กับใคร ใช้กับคนกลุ่มไหน เมื่อไหร่อีกด้วย โบราณจึงได้กำหนดให้ใช้นิ้วมือจิ้มสีผึ้งตามกลุ่มบุคคลที่เราเข้าไปหาครับ ป็นต้นว่า
- หากจะเข้าหาผู้ใหญ่ หรือผู้มียศ สูงกว่าเรา หรือติดต่อราชการ ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะสีผึ้ง
- หากจะเข้าไปหาคนทั่วไปที่เสมอเรา หรือคนที่อ่อนกว่า ให้ใช้นิ้วชี้แตะสีผึ้ง
- หากจะเข้าไปหาผู้มีอายุกว่า หรือสาวแก่แม่หม้าย ให้ใช้นิ้วกลางแตะขี้ผึ้ง
- หากจะเข้าไปหาสาว ๆ หนุ่ม ๆ ให้ใช้นิ้วนางแตะสีผึ้ง
- หากจะไปหาสาวที่อ่อนกว่า หรือคนที่มีอายุอ่อนกว่า หรือผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ใช้นิ้วก้อยแตะสีผึ้ง
สรุปขั้นตอนการทาสีผึ้ง
- หยิบสีผึ้งขึ้นมา ตั้งนะโม 3 หน
- ระลึกถึงครูบาอาจารย์ที่สร้างขึ้นมาตลอดถึงครูของครู ครูอาจารย์ที่สร้างสีผึ้งนี้นับถือเทพหรือครูอาจารย์เหล่าใด ให้เราระลึกถึงเทพหรือครูอาจารย์เหล่านั้น ในพิธีทำสีผึ้งหรือเสกสีผึ้งอาจารย์เชิญเทพเหล่าใดมา เราระลึกถึงเทพเหล่านั้น
- กล่าวคาถา หรือคำบูชาสีผึ้งตามที่ครูอาจารย์ให้มา
- กำหนดถึงบุคคลเป้าหมายของเรา ที่เราต้องการไปหา หรือให้เกิดเป็นเมตตามหานิยมกับพวกเขา
- ใช้นิ้วแตะสีผึ้ง โดยเลือกตามลักษณะชั้นบุคคลที่เราไปหา ถ้ากลาง ๆ อย่างค้าขายเรียกลูกค้า นิยมนิ้วชี้หรือนิ้วกลาง
- นำมาสีผึ้งมาทาตามแบบที่ครูอาจารย์แนะนำมา ทางตรงไหนก็เป็นมงคลทั้งนั้น นิยมทาตรงส่วนของหน้าผากและริมฝีปาก
ทาสีผึ้ง 5 จุดบนใบหน้า พร้อมบริกรรมคาถา เมตตามหาลาภ
ทาสีผึ้ง 5 จุดบนหน้าเป็นวิธีที่ผมทำนะครับ ท่านอาจจะนำไปทำก็ได้ ไม่หวงวิธีทำครับ ส่วนคาถาท่านอาจจะใช้คาถาอื่น ๆ ที่ท่านชอบใจก็ได้ไม่ผิดอีกเช่นกัน
- ทาสีผึ้งวนที่หน้าผาก ขณะที่ทาบริกรรมคาถาว่า นะ เมตตา
- ทาสีผึ้งวนที่แก้มข้างซ้าย บริกรรมว่า โม กรุณา
- ทาสีผึ้งวนที่แก้มข้างขวา บริกรรมว่า พุท ปราณี
- ทาสีผึ้งวนที่จมูก บริกรรมว่า ธา ยินดี
- ทาสีผึ้งวนที่ริมฝีปาก ทาวนขวาบริกรรมว่า ยะ เอ็นดู มหาลาภา ประสิทธิ เม
พุทธคุณของสีผึ้ง
สีผึ้งนั้นมีพุทธคุณครอบจักรวาลมากกว่าที่เรารู้ สีผึ้งนั้นถูกสร้างขึ้นมาเกือบทุกสำนักพระเกจิที่มีศิษย์เคารพนับถือมากมาย ครูบาอาจารย์พระเกจิทั้งหลายให้ความสำคัญกับสีผึ้งอยู่ไม่น้อย จึงได้สร้างขึ้นมาประจำสำนักให้ศิษย์ได้ใช้ครับ พุทธคุณ หรืออิทธิคุณของสีผึ้งนั้น พอสรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้
- เป็นเมตตา ผู้ใหญ่รักเอ็นดู
- มหานิยม คนทั่วไปชมชอบ
- มหาเสน่ห์ ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างเจาะจง
- ค้าขาย ส่งเสริมด้ามอาชีพ
- เลื่อนยศตำแหน่ง
- สูญความ หรือเกี่ยวกับคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล
- มหาอุด คงกระพันชาตรี
- แคล้วคลาดปลอดภัย
- รักษาโรคภัยไข้เจ็บ
- ป้องกันโรคบางชนิด เช่น ไข้ป่า
แต่อย่างไรก็ตามอานุภาพของสีผึ้งนั้นขึ้นอยู่กับอาจารย์ผู้เสกและส่วนผสมในการจัดทำสีผึ้งนั้น ๆ
สีผึ้งพระเกจิที่ได้รับความนิยม
- สีผึ้งหลวงปู่โส
- สีผึ้งหลวงปู่ฤทธิ์
- สีผึ้งหลวงปู่ทิม
- สีผึ้งหลวงปู่ทาบ
- สีผึ้งหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน
- สีผึ้งหลวงปู่หงษ์
- สีผึ้งหลวงปู่โป๊ะ
- สีผึ้งหลวงปู่กาหลง
- สีผึ้งหลวงปู่สุขวัดโพธิ์ทรายทอง
- สีผึ้งหลวงปู่ฮก
- สีผึ้งหลวงปู่สรวง
- สีผึ้งหลวงพ่อสงวน
- สีผึ้งหลวงพ่อทาบ
- สีผึ้งหลวงพ่อกวย
- สีผึ้งหลวงพ่อเดิม
- สีผึ้งหลวงพ่อจง
- สีผึ้งหลวงพ่อชื่น
- สีผึ้งหลวงพ่อสังข์
- สีผึ้งหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
- สีผึ้งหลวงพ่อทบ
- สีผึ้งครูบาวัง
- สีผึ้งครูบากฤษณะ
- สีผึ้งครูบาออ
- สีผึ้งครูบาต๋า
- สีผึ้งครูบาเดช
- สีผึ้งอาจารย์เปล่ง
- สีผึ้งผยองคำ วัดไม้ฮุง
- สีผึ้งกั่วเผาะ หลวงปู่ชู
- สีผึ้งขุนพันธ์