เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ดาราสาว กิ๊ก มยุริญ ได้โพสต์ข้อความผ่าน IG @kikmayurin ว่า “บทสวดไล่หวัด COVID-19” คาถาครูบาบุญชุ่ม เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจไม่ให้ฟุ้งซ่านต่อสถานการณ์ในตอนนี้ ระบุว่า “มาสวดคาถานี้กันดีไหมคะ ให้จิตมีที่เกาะ จิตจะได้เป็นสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ซัดส่าย ไม่หวาดกลัว จิตที่เข้มแข็ง ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายของเราเแข็งแรงนะคะ .
ก่อนที่ ครูบาบุญชุ่ม จะเข้าถ้ำ 1 ปีมาแล้ว ท่านบอกว่า ให้สวดคาถานี้ เพื่อป้องกันเชื้อโรค ท่านมองเห็นล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ วันที่ 9 เดือนกันยายน 2562 .อันนี้เป็นข้อมูลที่ได้เรียนถามพระอาจารย์ท่านหนึ่งมาเกี่ยวกับคาถาบทนี้ค่ะ ถ้าเป็นคาถาลักษณะแบบนี้ ส่วนใหญ่จะหารากศัพท์ แปลความหมายได้ยาก ซึ่งคาถาแบบข้างต้น เรียกว่า เป็นมนต์ถาคา “ความศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่จิตศรัทธา” ส่วนถ้าเป็นคาถาของพระพุทธเจ้า “ความศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่การนำไปปฏิบัติ” .สุขสันต์วันพระนะคะเพื่อนๆ”
คาถาป้องกันสารพิษ และเชื้อโรคร้าย (ครูบาบุญชุ่ม)
ก่อนสวดคาถาใด ๆ อย่าลืมตั้ง นะโม 3 จบ
ทะสะขะ สะมัง วิสะตุ
ทะสะขะ สะมัง วิสะตุ
ทะสะขะ สะมัง วิสะตุ
ซึ่งในเรื่องนี้ เป็นที่วิจารณ์กันต่าง ๆ นานาในโซเชียลมีเดีย (Social Media) ซึ่งผมจะไม่นำคำวิจารณ์เหล้านั้นมากล่าว แต่จะแสดงเพราะความคิดเห็นของผมเท่านั้น
คุณกิ๊กเองกล่าวว่า สวดเพื่อให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน เป็นสมาธิ เข็มแข็ง ไม่หวาดกลัว เมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็จะส่งผลให้ร่างกายแข็งแร็ง
ผมจึงพอจะกล่าวได้ว่า นั่นคือสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมา ไม่ใช่ให้ไปหมกมุ่นว่าต้องสวด ๆ โดยไม่ต้องป้องกันอย่างอื่น โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่ล้างมือ ซึ่งสุขอนามัยต่าง ๆ มันเป็นขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว
การบริกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นบริกรรมภาวนาได้ทั้งนั้น เมื่อทำอย่างจดจ่อ ตั้งมั่น ทำให้กำลัง ก็เกิดสมาธิได้ทั้งนั้น เมื่อเกิดสมาธิ ขั้นพื้นฐาน จิตใจก็สงบ หายฟุ้งซ่านได้ มีกำลังใจที่เข้มแข็ง ร่างกายแข็งแรงพร้อมที่จะสู้ต่อไป
อาจจะมีคำแย้งว่า นี่ไม่ใช่ทางแห่งพระนิพพาน คุณกิ๊กก็ไม่ได้บอกว่านี่เป็นทางแห่งพระนิพพาน แต่อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ได้สวนทางกันเสียทีเดียว เพราะคุณกุ๊กไม่ได้บอกเมื่อสวดแล้วห้ามทำบุญให้ทาน ไม่ได้ห้ามว่าห้ามรักษาศีล ไม่ได้บอกว่าห้ามเจริญปัญญาต่อไป และสิ่งที่คุณกิ๊กแนะนำก็ยังเป็นสมาธิในเบื้องต้น ซึ่งเป็นหนึ่งในคำสอนของพระพุทธเจ้า จะเป็นสมาธิอะไรก็ตาม มันยังไม่เกิด ฉะนั้น ถ้ายังไม่สวด ถ้ายังไม่เกิดสมาธิ อย่าเพิ่งไปสรุปว่ามันเป็นมิจฉาสมาธิ
การสวดคาถา การรักษาศีล ไม่เป็นปฏิต่อหลักสุขอนามัย คุณสวดคาถา คุณรักษาศีล คุณก็รับผิดชอบต่อสังคมได้ ออกข้างนอกสวมหน้ากากอนามัย ใส่ใจในความสะอาด พูดจาอ่อนหวาน ซึ่งตรงจุดนี้ ผมว่าคุณกิ๊กทำได้ดีกว่าหลายคน
และในที่สุด คุณกิ๊กก็สรุปว่า
……มนต์ถาคา “ความศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่จิตศรัทธา” ส่วนถ้าเป็นคาถาของพระพุทธเจ้า “ความศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่การนำไปปฏิบัติ”…………..
จะเห็นว่าคุณกิ๊กแยกออกให้เห็นชัดเจนว่า อันไหนคือคำสอนของพระพุทธเจ้า อันไหนคือมนต์คาถาหรือความเชื่อท้องถิ่น ความเชื่อส่วนตัว
คุณกิ๊กไม่ได้แอบอ้างเพื่อให้เกิดความสับสนว่า นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า นี่เป็นคาถาของพระพุทธเจ้า เป็นความเชื่อความศรัทธาท้องถิ่น ที่ทำแล้วผมก็เชื่อว่า ไม่ได้ทำคุณผิดศีลห้า (คุณรักษาศีลห้าได้ไหมครับ) ไม่ได้เป็นอุปสรรค์ต่อการทำบุญตักบาตร (คุณตักบาตรบ้างไหม) ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาเล่าเรียนเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในไวรัส COVID-19 แต่อย่างใด
ที่มาของข่าว : https://www.springnews.co.th/entertain/625090