นะโมพุทธายะ โมคคัลลานัญจะ มะหาเถโร อิทธิมันโต อานุภาเวนะ เชยยะสิทธิเม
มาร ในพระพุทธศาสนาใช้หมายถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากคุณงามความดีหรือจากผลที่พึงได้อันประเสริฐ, สิ่งที่คอยล้างผลาญคุณงามความดี, ตัวการที่คอยกำจัดหรือขัดขวางไม่ให้บุคคลบรรลุผลสำเร็จอันดีงาม ซึ่งท่านจัดไว้ 5 ประเภท ได้แก่
- กิเลสมาร มารคือกิเลสซึ่งหมายถึงกิเลสที่คอยขัดขวางไม่ให้เราทำความดี
- ขันธมาร มารคือขันธ์ หมายถึง ความบกพร่องของขันธ์ที่คอยกีดขวางการทำความดีของบุคคล เช่น ต้องการฟังธรรมะ แต่หูหนวก ไม่สามารถฟังธรรมได้ อย่างนี้เป็นต้น
- อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขาร ได้แก่ความคิดนึกอันประกอบกับอารมณ์ จัดว่าเป็นมารเพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม ทำให้เกิดชาติชรา เป็นต้น เป็นเหตุขัดขวางไม่ให้หลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏได้
- เทวบุตรมาร มารคือเทวดาคือ ท้าววสวัตตี จอมเทพแห่งสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี เป็นต้น รวมเทวดาตนอื่น ๆ หรือบุคคลอื่น ๆ ที่คอยขัดขวางเรา ชาวบ้านทั่วไปอาจจะเรียกว่าเจ้ากรรมนายเวรก็ได้
- มัจจุมาร มารคือความตาย ที่ตัดโอกาสการทำความดีของเรา พอจะได้ทำความดีหน่อย อย่างบางคนตั้งใจว่าจะได้ทำบุญถวายสังฆทาน ทำบุญกฐิน หรือตั้งใจจะไปฟังธรรมจากครูอาจารย์ในวันนั้น ๆ ตามกำหนดหมาย ความตายก็มาพรากจากไปเสีย
สำหรับคาถาชนะมารข้างต้นนั้น ดูจากเนื้อหาแห่งพระคาถาแล้ว อ้างถึงอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ด้วยบทว่า นะโมพุทธายะ ตามด้วยอานุภาพแห่งพระมหาเถระนามว่าโมคคัลลานะ ช่วยขจัดมารทั้งหลาย ให้ความประสงค์ของเราลุล่วงสำเร็จด้วยดีทุกประการ
ท่านว่าบทนี้ ให้สวดภาวนาเป็นประจำ เพื่อชนะ ยับยั้ง เทวปุตตมาร หรือมารที่เป็นตัวบุคคลที่คอยขัดขวางคุณงามความดีของเรา แต่ผมเชื่อว่า ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์และอานุภาพแห่งพระโมคคัลลานะ พระคาถานี้มีอานุภาพมากกว่านั้นแน่