ในยุคเศรษฐกิจไม่ดี (ไม่ดี ใช่เพราะผมบอกว่าไม่ดี หรือใครบอกว่าไม่ดี ดีหรือไม่ดี ถ้าไม่กระทบกับคุณเองคุณไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรอก) ทุกวันนี้คนตกงานเกือบทุกวัน หากตกงานแล้วมันกระทบต่อความเป็นอยู่ของครอบครัวนะครับ ไม่ใช่แค่ตกคนเดียว ครอบครัว ลูก ๆ คนที่เราต้องรับผิดชอบอยู่ที่บ้านก็กระทบไปด้วย กระทบถึงการเรียนของลูก ๆ ไปด้วย
เมื่อตกงาน ไม่มีงานทำ ก็ต้องหางานใหม่ ดิ้นรนต่อไป ผมเคยอ่านข่าวหนึ่งมา ครั้งนั้นมีบริษัทแห่งหนึ่งเปิดรับสมัครพนักงานหรือคนงาน ปรากฏว่าคนไปรอเข้าแถวยาวเหยียดแต่เช้ามืด นั่นมันสื่อถึงอะไร สื่อถึงคนว่างงาน คนตกงาน และคนกำลังหางานทำครับ
ถึงแม้ว่า การสมัครเข้าทำงานนั้น จะต้องอาศัยความรู้ วุฒิบัตร ประสบการณ์ในการทำงาน หรือบางครั้งต้องอาศัยเส้นสายก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่เว็บไซต์เราแนะนำให้ใช้เป็นส่วนประกอบในเวลาที่คุณจะเดินออกจากบ้านไปสมัครงาน หรือไปหางาน นั่นคือมนต์คาถา
แน่นอนว่า คุณสมบัติที่ทางบริษัทห้างร้านกำหนด คุณต้องพร้อม และใคร ๆ ก็พร้อม ไม่ใช่แค่คุณ แต่พวกเขามีมนต์คาถาหรือเปล่าเราไม่รู้ ฉะนั้น ท่านที่ได้เข้ามาอ่าน และอ่านเจอลองนำไปใช้ดูครับ
เคล็ดลับ ท่องคาถาสมัครงาน ให้ได้ผล
อันที่จริง คำที่เป็นคาถานั้น ผมเองไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องท่องนะ แต่หมายความว่าใช้บทไหนก็ได้ แต่เคล็ดที่ควรทำในวันสมัครงานนั้นดังนี้
- เมื่อคุณรู้ว่าจะไปสมัครงาน ไปให้การสัมภาษณ์กับบริษัทหรือโรงงานห้างร้านใด ให้คุณทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน บริจาคทาน สวดมนต์ไหว้พระ ทำไปเรื่อย ๆ หากงบน้อยก็ตักบาตรหรือถวายสังฆทานตามกำลังของตน จากนั้นมาเน้นสวดมนต์ ไหว้พระ ที่ขาดไม่ได้คุณต้องทำการอุทิศบุญ และแผ่เมตตา ให้แก่ผู้ก่อตั้งบริษัทตั้งแต่อดีตมา (เขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน ตายหรือยังไม่ต้องสนใจตรงนั้น ใช้เจตนาที่หวังดีอุทิศเพื่อผูกมิตรไมตรีไป) ให้แก่พนักงานทุกคนที่อยู่ในบริษัท ให้แก่คนที่จะสัมภาษณ์หรือรับเอกสารเรา (เราไม่รู้คือใคร ไม่เคยเห็นหน้า แต่มันต้องมี เรากำหนดจิตอุทิศบุญและแผ่เมตตาไป) อุทิศบุญและแผ่เมตตาให้แก่เทวดา พระภูมิเจ้าที่หรืออะไรที่เราไม่รู้ที่อยู่บริเวณที่ตั้งของบริษัทหรือโรงงานนั้น ๆ เป็นการผูกมิตรไมตรีด้วย และแจ้งให้พระภูมิเจ้าที่ เทวดาอารักษ์ทั้งหลายให้ทราบว่า ตนจะไปสมัครเข้าทำงาน ไปให้สัมภาษณ์ในวันที่นั้น ๆ ให้ท่านได้รับรู้ล่วงหน้า (คุณไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเตรียมพิธีอะไร ต้องจุดธูปกี่ดอก นั่นมันเรื่องเล็กน้อย สำคัญคือคุณมีบุญ ได้ทำบุญไหม คุณได้อุทิศบุญให้พวกเขาไหม ใจคุณมีเมตตาจิตไหมที่จะแผ่ไป) ทำไปเรื่อย จนถึงวันสมัครงาน อ้อ อีกอย่างอย่าลืมอุทิศบุญให้เทวดาผู้รักษาตัวเรา พระภูมิที่อยู่บ้านหรือที่ดินเรา (ผมพูดถึงพระภูมิ ไม่ใช่ศาลพระภูมิ แม้บ้านคุณไม่มีศาลพระภูมิคุณก็อุทิศบุญให้แก่พระภูมิได้) เทวดาอารักษ์ที่อยู่ในบริเวณบ้านเรา ศาลปู่ตาประจำหมู่บ้านเรา แจ้งให้ท่านทราบถึงความประสงค์ของเรา และขอพรจากท่านด้วย
- เมื่อถึงวันไปสมัครงานหรือวันสัมภาษณ์งาน ก็ทำเหมือนเดิมทั้งหมดที่กล่าวมาตามข้อที่หนึ่ง แต่ช่วงเช้าก่อนออกจากบ้าน ควรได้สวดคาถาสมัครงาน ดังนี้
พุทธัสสาหัง นิยยาเทมิ สะริรัญ ชีวิตัญวิทัง
นะโมมิตตามนุสสาจะ นะเมตตา โมกรุณา
อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา
อิติโพธิมะนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม
โอม อุ อะ มะ นะโมพุทธายะ สุ สุ มัง.
แล้วก็อธิษฐานในสิ่งที่หวังไว้ - เมื่อคุณเดินเข้าไปในสถานที่สมัครงาน ให้คุณมีจิตยินดี สร้างไมตรีจิตกับสถานที่ กับบุคคล กับทุกสิ่ง เหมือนว่าสถานที่ตรงนี้เป็นสถานที่ที่ให้ความอบอุ่นแก่คุณ มีพ่อมีแม่ มีญาติผู้ใหญ่ มีเพื่อนร่วมงานที่ดีของคุณ
- เมื่อคุณเจอพนักงานที่รับเอกสารเข้าสมัครงาน หรือพนักงานที่จะสัมภาษณ์เรา อย่าลืมยิ้มทุกทายก่อนครับ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ผมเองก็รับประกันไม่ได้ว่าจะได้ผลกับทุกคนไหม แต่เคยได้ผลกับผม และก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะทำ เป็นความดีทั้งนั้น หากคุณเชื่อมั่นในความดี เชื่อเถอะความดีไม่ส่งผลแก่คุณกับบริษัทนี้ก็จะส่งผลต่อคุณกับบริษัทต่อไปหรือเหตุการณ์ในภายหน้า เพราะบางทีบริษัทที่ไม่รับคุณอาจจะไม่เหมาะกับคุณไม่เป็นผลดีต่อคุณก็ได้ แต่เชื่อเถอะความดีจะส่งผลดีต่อคุณอย่างแน่นอน