หลังจากที่ได้เข้าไปในองค์พระธาตุพนม เมื่อเช้าวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2564 อันเป็นวันหุ้มทองคำห้องพระอุรังคธาตุ ในองค์พระธาตุพนม ผมได้เห็นความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนคนรุ่นเก่าก่อน ที่ได้น้อมนำสิ่งที่มีค่าที่สุดมาเป็นพุทธบูชา มีทั้งทองคำ เงิน นาก งาช้างดำ เหล็กไหล หรือสิ่งของอื่นใดที่พวกเขาคิดว่ามีค่าที่สุด หายากที่สุด
แต่หากไม่มีสิ่งใด พวกเขาก็จะทำเป็นพระพุทธพิมพ์ต่าง ๆ ด้วยวัตถุดิบที่พอหาได้ ตั้งแต่ ทองคำ นาก เงิน งาช้าง ชิน ทองเหลือง ตะกั่ว ชิน จนถึงดินเหนียว ทั้งหมดเพื่อน้อมนำมาบรรจุเป็นพุทธบูชาตลอดไป ไม่ได้มีเจตนาให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเคลื่อนย้ายเพื่อนำไปซื้อขายหรือใช้บูชาเป็นส่วนตัว
พระพิมพ์ที่อยู่ในพระบรมธาตุ พระมหาเจดีย์อื่น ๆ ก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกัน พุทธศาสนิกชนตั้งแต่ชนชั้นสูงลงมาจนถึงชนชั้นทำงานต่างมีความมุ่งมั่นนำมาบรรจุไว้เป็นพุทธบูชา มุ่งบูชาต่อพระพุทธเจ้าโดยส่วนเดียว ไม่ได้มีเจตนาสร้างไว้ให้ใครเคลื่อนย้ายนำไปที่อื่นแต่อย่างใด
พระกรุหลาย ๆ แห่งถูกนำมาด้วยอาการแห่งขโมย หมายความว่าถูกลักลอบเข้าไปขุดกรุเพื่อนำสิ่งมีค่าที่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายนำไปอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา อาจจะตามมาด้วยคำสาปแช่งของเจ้าของเดิมที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ก็เป็นได้
ผมเริ่มมีความคิดว่า หากต้องการพระเครื่องสักองค์เพื่ออาราธนาบูชาติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคล เพื่อคุ้มครองป้องกันภัย อาราธนาบูชาวัตถุมงคล เพื่อเครื่องที่ทางวัด พระเกจิอาจารย์ จัดสร้างเพื่อแจกจ่ายในงานอันเป็นมงคล กฐิน ผ้าป่า ครบรอบวันเกิด หรือทำมาเพื่อหารายได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาดีกว่า เพราะเจตนาของการจัดสร้างชัดเจน สร้างเพื่อแจกเป็นทาน สร้างเพื่อให้บูชาหารายได้บำรุงพระพุทธศาสนา เจตนาไม่เป็นอื่น แถมยังได้บุญอีกด้วย แต่หากเป็นพระกรุ พระเก่า อาจจะเป็นพระกรุที่ถูกขโมยมา ผิดเจตนาของผู้สร้าง อาจเป็นหนทางสู่ความเศร้าหมองของผู้บูชาก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตาม อาจจะมีบ้างที่สร้างขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายในยามสงคราม แต่เมื่อสงบแล้ว พวกเขาก็จะนำพระเครื่องพิมพ์ต่าง ๆ ไปไว้ที่วัดหรือสร้างพระเจดีย์บรรจุไว้เพื่อเป็นพุทธบูชา สืบอายุพระศาสนาต่อไป
หมายเหตุ : ลดความอยากได้น้อยลง ณ เวลานี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าหมดความอยากได้ หรือไม่อยากได้อีกต่อไป บางครั้ง พบเจอพระกรุก็อยากได้เพื่อนำไปเก็บไว้ในที่เหมาะสม (ตามความคิดเห็นของเรา) ต่อไป