
ในช่วงเดือนเมษายน ปี ๒๕๖๒ ผมได้เดินทางไปร่วมงานสงกราต์ที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองฮ่องกง ซึ่งทางวัดไทยได้จ้ดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในงานนอกจากทางวัดจะนิมนต์พระจากวัดต่าง ๆ ทั้งจากประเทศไทยและในเมืองฮ่องกงแล้ว ยังได้เชิญกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกงมาร่วมงานด้วย
ในวันงานสงกรานต์มีคนไทยในเมืองฮ่องกง และพี่น้องชาวจีนมากมายมาร่วมงานวันสงกรานต์ นับว่าเป็นที่ชื่นชมใจอย่างยิ่งที่คนไทยในเมืองฮ่องกงไม่ทิ้งวัด ไม่ทิ้งประเพณีวัฒนธรรมไทย ต่างมาร่วมใจกันมาทำบุญเนื่องในวันสงกรานต์ ผมเองได้รูัจักคุณป้าคนไทยคนหนึ่งซึ่งท่านเป็นคนโคราชมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองฮ่องกง ท่านมักให้คนอื่นเรียกว่า “คุณนาย” ผมก็ขอเรียกว่าคุณนายในบทความนี้ คุณนายจะทำการถวายน้ำให้แก่วัดเป็นประจำครั้งละ ๑๐๐ ลัง แต่ละลังมีอยู่ ๒๔ ขวด หรือ ๒ โหล ผมเห็นแล้วรู้สึกชื่นชมและอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง และเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมา
อันที่จริง การถวายน้ำนั้น ถวายได้ทุกโอกาส ทุกวัน ทุกเวลาด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าหรือเย็น เพราะพระท่านหรือทุกคนต้องดื่มน้ำตลอดทั้งวัน น้ำเป็นส่วนสำคัญของชีวิต ทุกชีวิตขาดน้ำไม่ได้ นอกจากเราจะถวายน้ำได้ทุกวันแล้ว เราควรถวายน้ำในโอกาสใด
อิมานิ มะยัง ภันเต อุทะกานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ อุทะกานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายน้ำดื่ม พร้อมด้วยบริวารเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ ได้โปรดรับ น้ำดื่มพร้อมด้วยบริวารเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนาน เทอญ.
ใน อุทกปูชกเถราปาน ได้กล่าวถึงอานิสงส์แห่งการถวายน้ำเป็นพุทธบูชาดังนี้
“ข้าพระองค์ได้เห็นพระสัมพุทธเจ้ามีพระฉวีวรรณดังทอง ผู้รุ่งเรืองดังกองไฟ เหมือนพระอาทิตย์ เป็นที่รองรับเครื่องบูชา เสด็จไปในอากาศ จึงเอา มือทั้งสองกอบน้ำแล้วโยนขึ้นไปในอากาศ พระพุทธเจ้ามหาวีระมีพระกรุณาในข้าพระองค์ ทรงรับไว้ พระศาสดามีพระนามว่าปทุมุตระ ประทับยืนอยู่ในอากาศทรงทราบความดำริของข้าพระองค์ จึงได้ตรัสพระคาถา เหล่านี้ว่า ด้วยการถวายน้ำนี้และด้วยเกิดปีติ เขาจะไม่เข้าถึงทุคติเลยใน แสนกัลป ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมสัตว์ เชษฐบุรุษของโลก ผู้นราสภ ด้วยกรรมนั้น ข้าพระองค์ละความแพ้และความชนะแล้ว บรรลุถึงฐานะ อันไม่หวั่นไหว ในกัลปที่ ๖๕๐๐ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ พระองค์ มีพระนามว่าสหัสสราช เป็นจอมชน ปกครองแผ่นดิน มีสมุทร- สาคร ๔ เป็นที่สุด คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ ข้าพระองค์ทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาข้าพระองค์ได้ ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.”
๑ คล่องแคล่วว่องไว
๒ มีชื่อเสียง
๓ มีความสะอาดบริสุทธิ์
๔ ปราศจากความกระหาย
๕ มีบริวารมาก
๖ อายุยืน
๗ มีผิวพรรณผุดผ่อง
๘ มีพละกำลัง
๙ มีปัญญามาก
๑๐ มีความสุข
๑๑. ทำให้เงินทองไหลมาเทมาดั่งสายน้ำไหล
๑๒. เงินทองหมุนเวียนใช้จ่ายไม่ขาดมือ เหมือนสายน้ำที่ไหลเวียนเชื่อมต่อไม่ขาดสาย
๑๓. ชีวิตราบลื่น ดั่งธารน้ำไหล
๑๔. มีจิตใจที่สะอาด ดั่งน้ำดื่มที่สะอาดบริสุทธิ์
อานิสงส์เหล่านี้ ถึงแม้พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ แต่ก็พึงเข้าใจว่า
– ไม่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นการทำตามคำสอนของพระองค์ในส่วนที่ว่าให้ทาน—- เราสามารถอนุมานได้ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เมื่อทำบุยก็ย่อมได้บุญ บุญย่อมส่งผลในทางที่ดี
– การทำบุญ เมื่อบุญเกิดขึ้น บุญย่อมส่งผลในทางที่ดี สุดแต่เราจะอธิษฐาน แม้ปรารถนาพระนิพพานในอนาคตกาลก็ย่อมได้ แต่นอกจากทานแล้วก็ต้องมีบุญอื่นประกอบด้วย คือ ศีล ภาวนา
– อานิสงส์เหล่านี้ ไม่ใช่กฎตายตัวว่าจะต้องเป็นแบบนี้ ๆ แต่ส่งผลในทางที่ดีแน่ และอานิสงส์ของการถวายที่ผมได้นำมาเป็นตัวอย่าง ก็เป็นเรื่องดี ๆทั้งนั้น