กุมารทอง เป็นอีกเครื่องรางของขลัง ที่อยู่คู่กับความเชื่อของคนไทยมาช้านาน เราจะเห็นได้จากตามบ้านเรือนบางแห่งมีรูปปั้นกุมารทองตั้งไว้ที่หิ้ง และมีน้ำแดง พร้อมขนมนมเนยที่พอจะหาได้ตามความเหมาะสม มาวางถวายให้กุมารทอง นั่นเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า กุมารทองยังคงมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนไทย และวันนี้เราจะพาไปดูกันว่า จริงๆ แล้วกุมารทองคืออะไร มีอยู่จริงหรือไม่ แล้ววิบากกรรมอะไร ทำไมจึงต้องมาเกิดเป็นกุมารทอง ไปค้นหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย
กรรมที่ทำให้มาเกิดเป็นกุมารทอง
กรรมที่ทำให้มาเกิดเป็นกุมารทองนั้น เชื่อว่าเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ได้สร้างกรรมในการทำแท้ง พอชาตินี้เกิดมาเป็นมนุษย์ กรรมจึงตามมาสนองด้วยการตายในท้องแบบตายทั้งกลม หรือที่เรียกว่าตายทั้งแม่และลูก หลังจากที่ตายก็กลายเป็นผีเด็ก หากตายตอนแก่ก็เป็นผีแก่ หรือตายตอนหนุ่มสาวก็เป็นผีหนุ่มสาว รวมถึงการทำกรรมตอนที่เป็นมนุษย์ คือชอบเรียนวิชาไสยศาสตร์ในสายดังกล่าว โดยได้ทำกรรมจากการไปผ่าเอาเด็กมาทำกุมารและทำพิธีกรรม ทำให้เมื่อตายแล้ว ต้องมารับกรรมกลายเป็นกุมารทอง แต่คนทุกคนที่กลายมาเป็นกุมารทองต้องมีวิบากกรรม จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นกุมารทอง เพราะกรรมนั้นต้องเป็นกรรมทำแท้ง จึงจะส่งผลให้มาตายในท้อง และกลายเป็นผีเด็ก แล้วมีคนทำพิธีเพื่อเรียกวิญญาณมาเลี้ยง เพื่อเอาไว้ใช้งาน โดยวิทยาธรผู้เรียกจะควบคุมวิญญาณด้วยมนต์คาถา
ลักษณะของกุมารทอง
กุมารทองส่วนใหญ่ เป็นเด็กผมจุก นุ่งโจงกระเบน ไม่ใส่เสื้อ สวมสร้อยสังวาล เลี้ยงโดยผู้มีวิชาที่เรียนมาเพื่อนำศพคนตายกลม คือศพที่ตายทั้งแม่กับลูกมาทำ ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่มีวิบากกรรมด้านนี้ จึงใช้ทำกุมารทองได้ และที่ไม่มีวิบากกรรมด้านนี้ จึงไม่สามารถนำไปทำกุมารทองได้ หากไม่มีกรรมด้านนี้ทั้งแม่และลูกที่ตาย ก็จะไปเกิดตามกรรมของแต่ละดวงวิญญาณ แต่ถ้ามีกรรมประเภทนี้ จะดึงดูดให้ผู้เรียนวิชาไสยเวทย์ นำไปใช้งาน โดยมีวิทยาธรเป็นผู้ควบคุมดวงวิญญาณ เพื่อแนะนำว่าเหมาะสมไว้ตรงไหน และต้องทำอย่างไรบ้าง
ต้นกำเนิดของกุมารทอง
จากวิบากกรรมทั้งแม่และลูกที่ทำร่วมกันมา คือ เมื่อลูกตายในท้องแม่แล้ว วิทยาธรจะไปบอกอาจารย์ ที่เรียนไสยศาสตร์ในสายกุมารทอง รักยม และลูกกรอก ซึ่งผู้ทำก็จะผ่าท้องของแม่เพื่อเอาศพเด็ก ส่วนศพของแม่ยังใช้ได้เพราะเอาน้ำมันพราย โดยการเจียวไขมันตรงหน้าท้อง แล้วใช้เวทย์มนต์สะกดไว้ อีกทั้งใส่สิ่งที่ช่วยควบคุมร่างของผู้ตายเอาไว้ โดยใช้วิชาไสยศาสตร์ทั้งของอาจารย์ไสยเวทย์ และวิทยาธรร่วมมือกัน ส่วนลูกที่อยู่ในท้องนั้นจะมีชื่อเรียกต่างกัน เช่น ลูกกรอก ถ้าอยู่ในท้องคู่เรียกว่า รักยม พอโตขึ้นจะเรียกว่ากุมารทอง เมื่อแรกนำมาเลี้ยงอาจจะตัวเล็ก แต่พอเลี้ยงไปสักพักก็จะค่อยๆ โตขึ้นไปเรื่อยๆ
บทความแนะนำ…กำเนิดกุมาร “อนันตโชค” กุมาร “อนันตชัย” ที่ใคร ๆ รู้แล้วต้องทึ่ง
บทความแนะนำ…คาถาบูชากุมารทองสมบัติ” หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม นครปฐม
วิธีการเลี้ยงกุมารทอง
วิธีการเลี้ยงกุมารทองในช่วงแรกๆ เขาจะโตได้ด้วยมนต์ของวิทยาธร และอาจารย์ทางไสยเวทย์ แต่จะอาศัยบุญของอาจารย์วิทยาธรที่ควบคุมวิญญาณ และจะค่อยๆ โตด้วยเวทย์มนต์เหมือนเด็กเมื่อคลอดออกมาใหม่ๆ จะเลี้ยงด้วยการให้ดื่มนม ซึ่งการให้นมแบ่งออก 2 แบบคือ การกินนมจากแม่และนมจากวิทยาธร ซึ่งการดื่มนมจากแม่จะเหมือนกับการดื่มนมของเด็กทั่วไป ส่วนการดื่มนมจากวิทยาธรนั้น น้ำนมจะไหลออกมาจากปลายนิ้วของวิทยาธร เมื่อดูดนมนั้นก็จะไหลไปเรื่อยๆ ด้วยฤทธิ์และมนต์คาถาของวิทยาธร หลังจากดื่มนมกระทั่งอิ่ม น้ำนมก็จะหายไปเอง ซึ่งการเลี้ยงจะสลับระหว่างดื่มจากแม่บ้างวิทยาธรบ้าง
ในส่วนแม่ของกุมารทองนั้น จะอยู่ได้ด้วยบุญของวิทยาธร โดยกินอาหารทิพย์ กายละเอียดเหล่านี้จะคล้ายกับมนุษย์ คือ มีครอบครัว มีลูก ทำอะไรที่เหมือนมนุษย์ ทั้งแม่และลูกจึงอยู่ได้ด้วยมนต์ของวิทยาธรกำกับ อีกทั้งการเลี้ยงเด็กที่เป็นกุมารทอง ลูกกรอก และรักยม จะสามารถโตขึ้นเรื่อยๆ แต่จะโตช้ากว่าเด็กที่เป็นมนุษย์ แต่อายุจะยืนยาวกว่ามนุษย์ หรือจะมีกุมารทองบางตัวโตเร็ว บางตัวโตช้าต่างกันไป เพราะกุมารทองแต่ละตัวมีวิบากกรรมไม่เท่ากัน บางตัวที่มีกรรมน้อย จะโตได้เร็วหรืออาจจะไปเกิดได้เลย ส่วนตัวที่มีกรรมเยอะก็จะโตช้า และต้องเป็นกุมารทองนานกว่า ซึ่งสัมภเวสีที่นำมาเลี้ยงเป็นกุมารทอง จะมีนิสัยเหมือนมนุษย์ที่เป็นเด็ก คือ ชอบสนุก เล่นซุกซน แต่ก็ยังต้องอยู่ในมนต์กำกับและตาทิพย์ของวิทยาธรตลอดเวลา
ประเภทของกุมารทอง
กุมารทองมี 3 ประเภท ได้แก่ กุมารทองโดยการสร้างจากวัสดุอาถรรพณ์ กุมารทองที่สร้างจากไม้อาถรรพณ์ และกุมารทอง 9 โกฐิ ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะดังนี้
กุมารทองโดยการสร้างจากวัสดุอาถรรพณ์
เป็นกุมารที่ได้จากวัสดุอาถรรพณ์ต่างๆ เช่น กระดูก ผงพรายกุมาร กระดูกผีตายโหง น้ำมันพราย หรือลูกกรอกของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ถือว่ามีวิญญาณอยู่ในตัวของมันเอง แล้วนำมาประกอบเป็นกุมารทอง โดยปลุกเสกด้วยมนต์คาถาให้กลายเป็นกุมารเหมือนมีชีวิตจิตใจขึ้นมา หรือบางทีก็มีการใช้วิญญาณของเจ้าของร่างนั้นมาสะกด กุมารทองประเภทนี้นิยมเลี้ยงในผู้ที่มีความเก่งทางไสยเวทย์สูง เพราะอันตรายหากเลี้ยงไม่ดี ควบคุมไม่อยู่จะเข้าตัวถึงแก่ชีวิตได้ หรือกลายเป็นคนฟั่นเฟือนไปเลย เหมือนการเลี้ยงสัตว์ดุร้ายไว้ข้างกาย
บทความแนะนำ…วิธีเลี้ยงกุมารทอง ให้โชคลาภ และคาถาบูชากุมารทอง
กุมารทองที่สร้างจากไม้อาถรรพ์
ไม้ที่นำมาสร้างกุมารทองได้ เช่น ไม้ตายพราย ไม้ยืนต้นตายพราย ไม้โดนฟ้าผ่าตาย ไม้ตกน้ำมัน ต้นไม้ที่มีรุกขเทวดา หรือไม้ที่มีพลังอำนาจ รวมถึงไม้มงคลบางชนิด หรืออาจจะใช้ไม้กาฝาก การสร้างกุมารทองนี้ จำเป็นต้องมีความอดทนและอุตสาหะมาก เพราะต้องใช้วิธีการที่ยุ่งยาก ตั้งแต่กระบวนการพลีกรรมต้นไม้ การปลุกเสก ผู้ที่จะทำพิธีได้ต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด และกายใจต้องบริสุทธิ์มากที่สุด ปัจจุบันกุมารทองประเภทนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด
กุมารทอง 9 โกฐิ
เป็นกุมารทองที่มีกำลังและอิทธิบารมี มากกว่ากุมารทองทั้งหลาย เนื่องจากเป็นเทพของกุมารทอง ผู้ที่จะสามารถปลุกเสกได้ต้องมีพลังจิตสูง และการเสกต้องใช้เวลานานถึง 3 ปี โดยการหาโกฐิใส่กระดูกด้วยอาการต่างๆ 9 ประเภทภายในคืนเดียว และหลอมตะกั่วเหล่านั้นด้วยตัวมนต์ตำราบังคับ และใช้ว่านนางพญาบางชนิดในฤกษ์ที่แข็ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นวันเดือนดับในเดือน 5 และต้องตรงกับวันเสาร์ด้วย
คนทรงเจ้าเข้าผีมาเป็นกุมารทอง
คนที่มีวิบากกรรมในการทำแท้งเมื่ออดีต จะได้รับกรรมการทำแท้งเมื่อชาติที่ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ รวมถึงกรรมที่เคยทำเกี่ยวกับเรื่องทางไสยศาสตร์ กระทั่งติดเป็นนิสัย กระทั่งตายไปแล้วอาจารย์วิทยาธร ก็ไปนำดวงวิญญาณมาเลี้ยงและผูกไว้ด้วยมนต์ ให้กลายเป็นเด็กในความปกครอง แต่จะเอามาเฉพาะสายที่ดึงดูดเป็นสายๆ ตามสายของอาจารย์วิทยาธร เช่น ทั้งสิงและทรง รวมถึงผู้ที่ดูแลกุมารทองก็มี โดยบางท่านมีกุมารทองในการดูแลมากมาย บางคนก็มีน้อย จากนั้นเมื่ออาจารย์ได้เรียนวิชาไสยศาสตร์ ซึ่งจะมีอาจารย์วิทยาธรเป็นผู้คุมวิชา และคอยเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้ ส่งฤทธิ์และเดชให้กับอาจารย์เมืองมนุษย์
รวมทั้งทำพิธีกรรมต่างๆ ขึ้นมา ด้วยการสื่อด้วยวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะหิน ดิน เหล็ก แล้วทำเป็นตุ๊กตาเด็กขึ้นมา นำมาผูกด้วยสายมนต์กับภุมเทวาเด็ก ในสายการปกครองของอาจารย์วิทยาธร ที่มีกรรมนำมา ซึ่งการผูกหมายถึงการผูกด้วยมนต์ กระทั่งกลายเป็นกุมารทอง แล้วนำกุมารทองนั้นไปมอบให้กับลูกศิษย์ที่มาขอ และต้องมีความศรัทธาในด้านนี้ เพราะต้องดูแลให้ดี แต่อาจารย์จะต้องบอกวิธีการดูแล การใช้อย่างไร ทำอะไรได้ จะเลี้ยงอย่างไรให้ดี
วิธีการนำกุมารทองเข้าบ้าน
หากใครที่จะเลี้ยงกุมารทอง จะต้องรับกุมารทองมาด้วยมือของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกุมารทองที่มาจากที่ใด เวลารับต้องไปรับและอุ้มขึ้นรถลงรถเอง เมื่อเข้าถึงบ้านให้จุดธูป 16 ดอก เพื่อบอกเทวดาทั้ง 16 ชั้นฟ้า และจุดธูปบอกเจ้าที่ ศาลพระภูมิ ที่มีอยู่ในบ้าน และต้องบอกว่าในบ้านมีทั้งหมดกี่คน ต้องแนะนำให้รู้จักทุกคน หากใครจะไปจะมาค้างคืนด้วยจะต้องบอกกล่าว หากมีกุมารทองอยู่แล้วมีญาติหรือคนมาพักด้วย ต้องบอกกล่าวกุมารทองเอาไว้ก่อน อีกทั้งผู้เลี้ยงจะต้องสอนกุมารในทางที่ดีด้วย
วิธีการเลี้ยงกุมารทองและการใช้งานให้ได้ผล
วิธีการเลี้ยงกุมารทอง จะเหมือนกับการเลี้ยงเด็ก การเลี้ยงลูก เลี้ยงด้วยการเซ่นไหว้ ให้กินผลไม้ น้ำแดง กินขนมโดยเขาจะกินของละเอียดที่ซ้อนกันอยู่ ส่วนการใช้งานนั้น ส่วนมากจะใช้เพื่อการค้าขาย เฝ้าบ้าน ให้หวย หรือดูดวง กรณีที่ไม่มีเจ้าของบ้านอยู่ ก็จะมีการใช้กุมารทองให้เฝ้าบ้าน เสมือนว่ามีคนอยู่บ้านตลอดเวลา อาจจะมีเสียงเด็กวิ่งเล่นตลอดเวลา หรือมีการแปลงกายมาเป็นสุนัขดำตัวใหญ่ แต่กุมารไม่ใช่จะแปลงกายได้เหมือนกันทุกตัว บางตัวก็แปลงกายได้ บางตัวก็แปลงกายไม่ได้ แล้วแต่จะมีความเก่งกล้า มีตบะและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันไป
การช่วยในเรื่องค้าขาย เชื่อกันว่ากุมารทองจะไปดึงตัว ฉุดมือ กระชาก แต่คนที่โดนกุมารทองทำจะไม่รู้ตัว เหมือนเดินเข้าไปแบบธรรมดา หรือมีการไปดลใจ ไปกระซิบข้างหูบ้าง คนที่ถูกกระซิบจะไม่ได้ยินเสียง แต่เหมือนได้ยินและก็อยากจะซื้อของร้านนั้น ซึ่งขายดีหรือไม่ดีต้องขึ้นอยู่กับ บุญเก่าของเจ้าของร้านด้วย ด้วยการสร้างบุญทำทานมากแค่ไหน ถ้าผลบุญนั้นส่งผลช่วงนั้นพอดีก็จะช่วยให้ดีขึ้น ส่วนกุมารทองเป็นเพียงส่วนเสริมให้ดีขึ้นหน่อยเท่านั้น ส่วนคนที่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้านนั้นก็เหมือนกัน เกี่ยวข้องกับบุญกรรมเป็นหลัก กุมารทองเป็นเพียงตัวช่วยเสริม เพราะบางทีมีกุมารเฝ้าบ้าน ยังมีขโมยขึ้นบ้านได้ แสดงว่าเจ้าของบ้านอาจจะมีกรรม เรื่องการลักขโมยติดตัวมาก็ได้ เมื่อถึงเวลานี้ กรรมของการลักขโมยจึงส่งผลตามมา
บทความแนะนำ…กุมารทองกวักลาภ รุ่นแรก หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหิน ผานางคอย
การสื่อสารและสัมผัสกับกุมารทอง
การสื่อสารกับกุมารจะต้องเป็นบุคคล ที่สามารถสื่อสารและสัมผัสถึงกันได้ แต่ต้องไม่ใช่คนที่เกิดมาดวงแข็ง เช่น เกิดวันเสาร์ วันอังคาร หรือมีดวงเพชฆาตฤกษ์ เพราะคนเหล่านี้ไม่มีสัมผัสทางด้านวิญญาณ มีจิตใจอันเข้มแข็ง ทำให้จิตไม่สามารถสื่อได้กับวิญญาณ รวมทั้งต้องเป็นพวกไสยเวทย์ เพราะคนเหล่านี้เคยศึกษาวิชาไสยเวทย์และวิชาอาคมต่างๆ มากมาย มีการสักยันต์ ลงของ ทำให้มีของศักดิ์สิทธิ์ช่วยดูแล ผีและพรายต่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ อีกทั้งคนที่เล่นของทางนี้มากๆ จิตใจจะยิ่งแข็งมาก ทำให้สัมผัสได้ยากขึ้น บางคนที่ศึกษาในเรื่องของจิตควบคู่ไปด้วย บางคนถึงขั้นมีตาทิพย์ สัมผัสวิญญาณนี้ได้ รวมไปถึงคนที่ชอบพกของขลัง เช่น ปู่ฤาษีตาไฟ ท้าวเวสสุวรรณ
เบี้ยแก้ วัวควายธนูอาคมต่างๆ หุ่นพยนต์บางสายวิชา สิ่งเหล่านี้จะขับไล่ภูตผีปีศาจทำให้สัมผัสกุมารทองไม่ได้ รวมทั้งคนที่มีเชื้อสายจีน ที่นับถือผีบรรพบุรุษ ต้องบอกกล่าวผีบรรพบุรุษด้วย เพราะท่านย่อมจะไม่ชอบกุมารทองเหล่านี้แน่ๆ รวมถึงบ้านที่มีเจ้าที่แรงๆ และมีศาลตายาย ที่อยู่ในบริเวณบ้าน ต้องบอกกล่าวศาลนี้ด้วยเพื่อให้สัมผัสกับกุมารทองได้ เมื่อบอกศาลต่างๆ แล้วให้จุดธูปเรียกกุมารทองมาในบ้าน ด้วยเวทย์มนต์คาถาของแต่ละสำนัก และอาจารย์ที่มอบกุมารทองมาแต่ละสาย อีกทั้งอยากจะให้กุมารทองทำอะไร ก็ไหว้และบอกกล่าวไปเรื่อยๆ ไม่กี่วันสิ่งที่ต้องการก็จะมีโอกาสเป็นผลสำเร็จ
ส่วนการไหว้นั้น ให้ถวายน้ำแดง และของเล่นต่างๆ ให้สม่ำเสมอ เพื่อให้ดีกับชีวิตคุณเอง ถึงแม้จะยังสัมผัสไม่ได้ แต่ต้องไหว้ให้ดีเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น และวิธีการสัมผัสสุดท้ายเป็นวิธีการ ที่ต้องใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล โดยการนำไปให้เกจิอาจารย์ที่นับถือให้ท่านตรวจดูให้ หรือจะให้คนที่มีตาทิพย์ หรือคนที่มีพลังพุทธคุณต่างๆ ช่วยตรวจสอบให้ว่ากุมารทองนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ถึงแม้ยังสัมผัสตัวตนไม่ได้ แต่จะทำให้เกิดศรัทธามากขึ้น
สังคมของกุมารทองเป็นอย่างไร
กุมารทองมีอยู่หลายตัว หลายตน หลายพวก ทำให้กุมารทองมีสังคมเช่นเดียวกับมนุษย์ มีการคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน แต่อาจจะต่างจากเด็กในสังคมมนุษย์ เพราะกุมารจะมีการแลกเปลี่ยนวิชากัน คุณจะต้องเสกคาถา ร่ายมนต์ ทั้งต้องว่าคาถาจะดลใจคนทำอย่างไร จะช่วยเปิดประตู เปิดทีวี มนต์คาถาเหล่านี้ ซึ่งจะต้องเรียนมาจากวิทยาธรที่อบรม แล้วคุณก็ใช้คาถานั้นกับกุมารทอง และมีการนำไปทดลองใช้กับสถานที่ต่างๆ รวมถึงเหตุการณ์ที่ต่างกันบ้าง บางทีกุมารทองบางตัว อาจจะมีการชักชวนกุมารทองตัวอื่น มาเป็นพวกของตัวเองก็มี
บทความแนะนำ…กุมารทองมหาลาภ สีผึ้งมหาเสน่ห์ ว่านสาวหลง หลวงพ่อเที่ยงวัดพระพุทธบาทเขากระโดง
วิธีการปลดปล่อยกุมารทอง
การปลดปล่อยกุมารทองนั้น ให้พูดดีๆ กับกุมารทอง โดยบอกกับรูปปั้นของกุมารทอง หรือรักยม หรือลูกกรอก ว่าพ่อเอ๋ย แม่เอ๋ย แล้วแต่เป็นกุมารชายหรือหญิง ถ้าไปเป็นชายให้ใช้ว่า พ่อเห็นว่าลูกกุมารทองถึงเวลาหมดกรรมแล้วไปเกิดใหม่นะลูกนะ ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านี้ อย่ามาอยู่ในภพภูมินี้เลย เพราะรักหรอกจึงบอกลูก พูดอย่างนี้กุมารทองจะดีใจ ซึ่งหากจะปลดปล่อยได้จริง ผู้ที่เลี้ยงจะต้องหมดจากเชื้อวิบัติ เชื้อเวรกรรมนี้แล้ว หรือกุมารทองก็หมดจากกรรมนี้ด้วยเหมือนกัน จากนั้นให้นำกุมารทองไปฝังในหลุมพอประมาณ วางลงในหลุมและโปรยดอกไม้ของหอม แล้วก็ให้พูดว่า สิ่งนี้คือซากของลูกที่ไม่ใช้แล้ว เหมือนซากศพที่ตายแล้ว สมควรที่จะขจัดซากนี้ให้สลายกลายไปเป็นซากดิน พ่อแม่ขอกลบร่างนี้ เพื่อให้ลูกไปเกิดในภพภูมิที่ดี แต่ก่อนที่ลูกจะไปให้ลูกรับศีล 5 ก่อน รับศีล 5 จากพ่อนะ แล้วพ่อจะอุทิศบุญไปให้
วันรุ่งขึ้นให้คุณไปทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน และอุทิศบุญให้กับผู้ที่มีเวรกรรมและกุมารทอง แต่ข้อระวังในการกลบรูปกุมารทองใต้ต้นไม้ต้องกลบให้ดี เพื่อไม่ให้มีคนอื่นมาเห็นและนำไปเลี้ยงอีก หากไม่มีใครเห็นและเขาได้รับบุญจากเราแล้ว สุดท้ายเขาจะเลื่อนชั้นเป็นภุมมเทวาอีกระดับหนึ่ง และพ้นจากการควบคุมของวิทยาธร หรือหากคุณอุทิศบุญให้เขาไปเรื่อยๆ เขาจะกลายเป็นรุกขเทวดา หรือเป็นอากาศเทวดา หรืออาจเกิดเป็นมนุษย์ใหม่
จากนั้นให้คุณไปขอศีลจากพระ แล้วก็ยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดไป เพื่อให้คุณห่างจากวิบากกรมที่ผูกพันกันไม่จบไม่สิ้นเสียที นอกจากวิธีการฝังใต้ต้นไม้แล้ว ยังมีวิธีการลอยไปกับสายน้ำ ฝากพระแม่คงคา โดยจัดเตรียมข้าวของก่อนลอยให้ดี เช่น ดอกไม้ ธูปเทียน ทั้งนี้ให้ยึดหลักเหมือนลอยอัฐิหรือลอยอังคารนั่นเอง แต่เวลาลอยต้องพูดดีๆ เหมือนการฝัง และต้องบอกว่าคุณไม่ได้ลบหลู่ดูหมิ่นท่าน แต่ตอนนี้คุณมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จะคืนสิ่งนี้ให้กับครูผู้รักษา ซึ่งเคยดูแลมาช่วงเวลาหนึ่ง ตอนนี้หมดความจำเป็นแล้ว ทำคล้ายๆ กับการฝากพระแม่ธรณีนั่นเอง
กุมารีทอง กุมารเทย กุมารีเทยคืออะไร
นอกจากกุมารทอง ยังมีกุมารีทอง กุมารเทย กุมารีเทย เพราะพวกที่ชอบสิงๆ ทรงๆ มีทั้งหญิงและชาย และเรื่องการผิดศีลข้อ 3 คือ มีนิสัยเจ้าชู้ด้วย ทำเสน่ห์ยาแฝด ก็จะเป็นกุมารเทย หรือกุมารีเทย ส่วนกุมารีเทย เป็นเด็กผู้หญิง แต่งตัวหลายแบบ เช่น การนุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้อ แต่งตัวแบบจีนก็มี หรือแต่งตัวแบบปัจจุบัน และมีทั้งแบบไว้ผมจุก เมื่อตอนเด็กเป็นกุมารีทอง โตเป็นสาวจะแต่งตัวตามแบบสังคม ชอบความสวยงามเหมือนกับมนุษย์ ซึ่งเครื่องแต่งกายที่ใส่นั้นมาจากเครื่องเซ่นไหว้ ตามแบบที่มนุษย์นำมาเซ่นไหว้ ทำให้บางตนแต่งกายตามกระแสของมนุษย์ เพราะเขาจะเลียนแบบที่มนุษย์ทำให้เขาเห็น ในอดีตเขาคือภพที่ใกล้เคียงมนุษย์ และจะมองเห็นมนุษย์ด้วยตาละเอียดทุกวัน ทำให้เขาสามารถใช้สิ่งที่มนุษย์นำมาให้ แต่งตัวได้เหมือนมนุษย์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะสัมผัสกุมารทองได้หรือไม่ก็ตาม หากคุณคิดจะนำเขามาเลี้ยงแล้ว จะต้องสอนในสิ่งที่ดีให้กับเขา และดูแลเซ่นไหว้ให้เขาสุขสบาย เหมาะสมตามอัตภาพ เพราะอย่าลืมว่าพวกเขาคืออดีตมนุษย์ ดังนั้นพวกเขาก็ยังคงมีความคิดและจิตใจ จึงต้องดูแลให้ดีที่สุด และใช้ประโยชน์จากพวกเขาในทางที่ดีและเหมาะสม ไม่เบียดเบียนคนอื่น หากคุณยังไม่มั่นใจว่าจะทำสิ่งเหล่านั้นได้ดีพอ อย่าคิดที่จะนำกุมารทองมาเลี้ยงเลย เพราะอาจจะมีโทษกับตัวเองมากกว่าให้คุณ ควรยึดพระธรรมและพระรัตนตรัย ไว้เป็นที่พึ่งของชีวิตเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
บทความแนะนำ…กุมารทอง หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท รุ่นฝังลูกนิมิต ปี 2521