คาถานี้แรงมาก หากนำไปใช้ต้องยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น บาปกรรม ความพินาศ อาจย้อนมาสู่ตัวผู้ใช้เอง
คาถานี้ที่มาบอกว่าเป็นคาถาชั้นสูง คำว่าชั้นสูงในที่นี้น่าจะหมายถึงเป็นคาถาที่แรง ครูอาจารย์หวงแหนไม่อยากให้เรียน แม้เรียนก็สั่งนักสั่งหนาให้ใช้อย่างระวัง และท่านต้องหาบุคคลผู้มีคุณธรรมสูงเืพื่อถ่ายทอดวิชานี้ ผู้ที่เรียนหรือสืบทอดคาถานี้ก็ต้องมีคุณธรรมสูง ไม่งั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น
ที่มาบอกว่า เป็นคาถาของหลวงพ่อกวย ผมเชื่อว่าหลวงพ่อกวยท่านไม่ได้สร้างคาถานี้และไม่เคยใช้คาถานี้อย่างแน่นอน แต่ที่บอกว่าเป็นของหลวงพ่อกวยน่าจะหมายความว่าคาถานี้เป็นหนึ่งในคาถาที่พบในตำราที่หลวงพ่อกวยท่านได้สั่งสมไว้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าหลวงพ่อกวยท่านชอบศึกษาหาความรู้ ชอบสั่งสมตำราต่าง ๆ บางตำราบางคาถาท่านก็ไม่ได้เคยใช้
มนต์พระเพลิงพระกาฬ
โอม นะเสื่อมหาย โมบุบทะลาย พุทสูญหาย ธาอย่ามีรูปมีกาย ทำลายเบญจขันธ์ทั้งห้า ยะมรณาบัดนี้ นะจะเบิกโขลนทวารและอาถรรพ์ โมจักบัลดาลทำลายเบญจพรรณทั้งคนคงกระพันชาตรี ทั้งต้นไม้มีผีก็ทรุดโทรม พุทอย่ามีรูปโฉมประพรรณอันใด กันได้เพชรแลนิล ธาฉิบหายละลายให้สิ้นสุด แต่ใส่ชื่อมิเหลือ ทั้งใต้ทั้งเหนือทั่วภิภพจบจักรวาล ยะให้สิ้นสุด แต่มนุษย์ให้เห็นประจักษ์แก่ตา ชื่อมันสูญหายเมื่อใด ให้รูปพระขันธ์ทั้งห้า อาการสามสิบสอง ทำลายจากตนมันเมื่อนั้น โอมไชยยะ ไชยยะบัลไลยกัลปบัลไลยจักร นามะพงษาชื่อมหาละลายใจร้ายมึงอย่าได้คิดความ นามกรมึงเกิด มึงอย่าเอากำเนิดอย่ามีจิตอย่ามีใจละลายประไลยกัลป์ ละลายประไลยจักร โอมทรุดทรุดโทรมโทรมอย่ามีโฉมอย่ามีร่าง ละลายทั้งห้วยหนองคลองบึงบาง ละลายทั้งหม่น้ำอันพึงไหล ละลายทั้งลมแลไฟ ละลาย ทั้งคนร้ายแลศัตรู ละลายทั้งคุณครูฤาษีมุนี ละลายทั้งคุณผีอันกล้าแข็งแรง ต้องผู้แลคน ข้างบนละลายแต่ชั้นฟ้า ใต้ลงมาละลายทั่วพิภพจบจนมนุษย์จะมาต่อสู้กูนี้ก็ไม่ได้ด้วยถ้อยคำ ละลายทั้งถ้ำพระคูหา ละลายทั้งท้าวพระยามหาราชยักษา อันมีปากและตาเนื้อแลหนังพังพานอันร้ายราวีทั้งคชสีห์ราชสีห์ ละลายทั้งกรุงพาลี ละลายทั้งกินรีกินนร ละลายทั้งคนธรรมพ์เพทธยา ละลายทั้งนามกรอันบังเกิดมาแต่กามกิเลส ละลายทั้งศัตรูต่างประเทศ อันจะสัญจรเข้ามาต่อสู้ด้วยถ้อยคำก็บ่มิได้ โอมกระทบใจบน กระทบใจคนพาลกระทบบาดาลพระมาตุลี กระทบทั้งมนตรีแลอาถรรพ์เดือนตะวัน ปากแลตารูปแลตับและปอด พุงแลไส้ หมู่คนร้ายแลศัตรู โอมหัทธะยังมุกขัง สัปปัตติภานะติ สะหัสสะรังสี สะตะเตโช สุริโย ตะมะวิโนทะโน ปาโตอุทะยันเตสุริเย มุทธาเตผะละตุสัตตะธาติ พุทธัง ฉิบหาย ธัมมังละลาย สังฆังมรณา พุทธังปัจจักขามิ ธัมมังปัจจักขามิ สังฆังปัจจักขามิ คิหิภาวัง อะสุจิ อะสุภัง ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา พุทธังฉิบหาย ธัมมังตายโหง สังฆังใส่โลง มะนุสสานัง มะระณัง ภะเว ฯ
คาถานี้ที่มาไม่ได้บอกวิธีใช้ ด้วยเหตุว่าคนทุกวันนี้จิตใจไร้คุณธรรม ใช้แต่อารมณ์ คือความโกรธ ความอาฆาตพยาบาทต่อกัน ฉะนั้น ที่มาคงจะเล็งเห็นว่า หากบอกวิธีใช้กลัวว่าผู้ใช้จะเป็นบาปกรรมทำความเดือดร้อนผู้อื่น และบาปนั้นอาจจะมาสู่ผู้นำมาเผยแผ่ด้วย
คาถาชั้นสูง หรือ คาถาที่ควรแก่การยกย่อง คือคาถาที่ทำให้โลกเกิดความสงบสุขร่มเย็น ผู้คนและสัตว์ร่วมโลกมีความรักใคร่ไม่ทำร้ายกัน ประกอบด้วยเมตตา ไม่แย่งชิงของคนอื่นประกอบอาชีพการงานสุจริต ไม่ผิดลูกเมียหรือคู่ครองใครมีใจรักแต่คู่ครองของตนเอง ไม่โกหกว่าร้ายใครใจวาจามีแต่ความสัตย์ ไม่ทำตนให้หลงสติด้วยยาเสพติด จิตต้องบริหารด้วยปัญญา
ที่มา : บรมครู พ่อปู่ฤาษี วิศวามิตร ขอบคุณ luangporguay.com