ผมเชื่อว่าทุกคนที่นอนหลับต้องเคยฝัน และการฝั้นนั้นก็มีทั้งฝันเป็นที่น่าชอบใจปลื้มใจหรือที่เรียกว่าฝันดี แต่หากฝันไหนที่ทำให้เราตกใจ รู้สึกหดหู่ใจ หรือสึกเสียใจไม่ยินดีในฝันนั้น เรียกว่าฝันร้าย หากความฝันนัันชัดเจนเหมือนดังเราเข้าไปอยู่ในความฝันจริง ๆ เป็นภาพที่ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ความฝันนั้นอาจจะเป็นลางบอกเหตุอะไรก็ได้ เทวดาผู้ที่เคยเป็นญาติเราอาจจะมาแจ้งเตือนเราล่วงหน้า หรือบุรพกรรมที่เราเคยทำมาอาจจะมาแจ้งเตือนในลักษณะของนิมิตหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้เรารู้สึกตัวก่อน
ฝันร้ายก็คือฝันร้าย ย่อมบั่นทอนสุขภาพจิตและตามด้วยสุขภาพทางกาย จิตใจเศร้าหมองทำให้ทำอะไรก็ไม่มีความมั่นใจ มีความวิตกกังวลอยู่ตลอด ฝันร้ายไม่สามารถที่จะกลายเป็นดีได้ หากเราไม่ทำความดีอะไรเลย
เมื่อคุณฝันร้าย ควรทำอย่างใด
1. อันดับแรกควรนึกทบทวนถึงสิ่งที่เราฝันคืออะไร มีความชัดเจนในความฝันแค่ไหน เราจำได้ว่าอย่างไร
2. พิจารณาดูว่าความฝันนี้เราเคยฝันไหม
3. พิจารณาดูว่าก่อนนอนเราทานอาหารอะไร นอนท่าไหน อาหาร ท่านอนเป็นเหตุให้เราฝันหรือไม่
4. พิจารณาว่าเหตุแห่งความฝันเป็นเพราะความกังวลใจของเราหรือไม่ ที่พระท่านเรียกว่า นิวรณ์
5. เมื่อพิจารณาดูแล้ว ตกลงใจว่านี่คือฝันร้าย หรือลางร้าย นิมิตร้าย ให้เรานึกถึงพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา ครูอาจารย์ แล้วสวดมนต์
บทสวดยันทุน แก้ฝันร้าย นิมิตร้าย ลางร้าย
ยันทุน นิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ
ยันทุน นิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
ธัมมานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ
ยันทุน นิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
สังฆานุภาเวนะ วินาสะเมนตุฯ
6. เมื่อสวดมนต์จบแล้ว ให้เสกน้ำล้างหน้า ด้วยคาถาบทว่า
ปุณโณ อังคุลิมาโล จะ อุปาลีนันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ
7. หากเป็นไปได้ ควรสมาทานศีลห้า รักษาศีลห้าให้มั่นคงอย่างน้อยเจ็ดวัน หรือตลอดไป ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง