Pyrite มาจากภาษากรีก (pyr) ซึ่ง หมายความว่า ไฟ เมื่อน่ามันไปดีกระทบกับเหล็กกล้าก็จะมีสะเก็ดไฟ ก็เลยได้เรียกแบบนั้น สีของไพไรต์นี้คล้ายทองเป็นอย่างมาก จึงมีคนหลงเข้าใจผิดว่าเป็นทองเป็นประจำ มันจึงถูกเรียกอีกอย่างว่า ทองคนโง่ (Fool’s Gold)
สำหรับในประเทศไทยแล้ว เจอแร่ไพไรต์ได้ทั่ว ๆ ไป มีแทบทุกจังหวัด ที่มีหิน หรือมีเทือกเขาหิน นับได้ว่าเป็นแร่ปกติที่พบมากมาย ๆ ประเภทหนึ่ง ส่วนในต่างชาตินั้นเจอไพไรต์มากที่อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส สหรัฐฯ อิตาลี รวมทั้ง แถวสเปนอีกด้วย
ที่มาของ Fool’s Gold ทองคนโง่
ในศตวรรษ ที่ 15 เมื่อเซอร์มาร์ติน โฟรบิสเชอร์ นักผจญภัยคนอังกฤษได้ไปพบกับก้อนแร่
ประเภทหนึ่งมีสีเหลืองงามมากมายก่ายกองบนเกาะแห่งหนึ่งในประเทศแคนาดา จากความสวยสดงดงามของแร่ประเภทนี้ เขาก็เลยมีความคิดว่าโชคได้เข้าข้างเขาแล้วจึงได้ขนพวกมันกลับมาที่อังกฤษด้วยมีความรู้สึกว่ามันเป็นทอง แล้วหลังจากนั้นเขาก็ได้นำไปให้พ่อค้าทองคำพิสูจน์ดู แม้ปรากฏว่าเจ้าแร่นี้ไม่ใช่ทอง มันเป็น “ไพไรต์” แต่ถึงนั้น พวกพ่อค้าพวกนั้นก็ให้ความสนใจในวัตถุแร่จากต่างประเทศรวมทั้งแอบหวังอยู่ในใจว่าน่าจะมีทองคำอยู่ ก็เลยได้ให้เซอร์มาร์ดิน กลับ ไป ที่เกาะนั้นอีกครั้งเพื่อขุดมันมาอีก เซอร์มาร์ติน ก็จัดให้ไปครั้งนี้เขาขนกลับมาอีกราว 200 ตัน พ่อค้าเหล่ารับมาตรวจดูก็พบว่ายังไม่ใช่ทองคำ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังแอบหวังอีกว่ามันคงจะมีทองคำอยู่ใกล้ ๆ มันเป็นแน่ ก็เลยให้เขากลับไปขนมาอีก คราวนี้เซอร์มาร์ตินจัดให้ชุดใหญ่ไปเลย เขาขนใส่ลำเรือมา 1,100 ตัน พวกพ่อค้าพอใจใหญ่คิดว่าครั้งนี้จะต้องมีทองคำมาอย่างแน่นอน แต่ว่าผลก็ออกมาดังเดิมว่ามันไม่ใช่ทอง จําเป็นต้องหน้าแตกอีกครั้ง กลายเป็นเรื่องที่เป็นที่ขบขันของชาวบ้านและผู้รู้ข่าว จึงพูดต่อ ๆ กันมาว่า นี่ล่ะหนา “ทองคนโง่” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
“ไพไรต์” หรือ”Fool’s Gold” คนไม่สนใจ แต่ถ้าเรียก “เพชรหน้าทั่ง” ขลังนัก