บางคนได้เครื่องรางของขลังมาแล้ว ไม่เคยสวดไม่เคยเสก คิดแต่ว่าอาจารย์ท่านเสกดีแล้ว เป็นของสำเร็จแล้ว ได้มาแล้วสักแต่ว่าพกพาถือไปมา บางครั้งลืมด้วยซ้ำว่าตนเองมีเครื่องรางของขลังอยู่
อันที่จริงการสวดคาถานั้น มิใช่แต่เป็นการปลุกเครื่องรางที่เรามีอยู่ แต่เป็นการปลุกตนเองให้พร้อม ให้พร้อมที่จะใช้เครื่องรางนั้น ๆ มิใช่จับเครื่องรางใส่กระเป๋าแล้วบอกว่าใช้ จับสีผึ้งทาปากแล้วบอกว่าทา จับลูกอมห้อยคอแล้วบอกว่ามีลูกอมใช้แล้ว
การสวดคาถากำกับเครื่องรางนั้นมีประโยชน์อย่างไร
- เป็นการแสดงออกว่า เราไม่ได้ลืมครูอาจารย์ของเรา แม้ไม่สวดคำเป็นคาถาบาลี ก็ควรระลึกถึงด้วยใจที่เคารพ
- เป็นการเตรียมพร้อมของเรา เพื่อที่จะนำวัตถุมงคลนั้น ๆ มาคุ้มครองป้องกัน หรือเสริมความเป็นเมตตามหาเสน่ห์ให้แก่ตัวเรา ตามพุทธคุณของวัตถุมงคลหรือเครื่องรางนั้น ๆ
- เป็นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างจิตใจเรา ของตัวเราให้เข้ากับวัตถุมงคลหรือเครื่องรางนั้น ๆ เหมือนเราไหว้พระต่อหน้าพระพุทธรูป เราเชื่อมจิตใจของเราให้เข้ากับพระพุทธรูป ด้วยการจุดธูปเทียนบ้าง ด้วยการสวดมนต์ว่า อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา บ้าง หรือโดยที่สุดแม้ด้วยการกราบไหว้
- เป็นการเพิ่มพลังอิทธิคุณให้กับวัตถุมงคล เครื่องรางนั้น ๆ ยิ่งทุกวันนี้ เครื่องรางที่สำเร็จด้วยคาถา สำเร็จด้วยพิธีกรรมนั้นมีมาก มากกว่าการใช้สมาธิเสียอีก สังเกตดูในเพจเฟซบุคต่าง ๆ จะมีลูกศิษย์ทำตะกรุดสำเร็จรูปบ้าง สีผึ้งสำเร็จรูปบ้าง นำไปให้คนเฒ่าคนกแก่ พ่อหนาน อาจารย์ทั้งหลายสวดและเสกให้ พร้อมกับถ่ายคลิปมาเพื่อประกอบการขาย ท่านไม่ได้นั่งเข้าสมาธิเสกเป็นคืนเป็นเดือนแต่อย่างใด จึงเป็นเครื่องรางของขลังที่สำเร็จด้วยคาถา สวดเสกขึ้นมา
คาถาเสกสีผึ้ง น้ำมัน เครื่องรางของขลัง เพิ่มพลังเมตตา
เอหิ พุทธะเมตตา ชะนา จิตตัง
เอหิ ธัมมะเมตตา ชะนา จิตตัง
เอหิ สังฆะเมตตา ชะนา จิตตัง
สำหรับคาถานี้ ใช้สวดเสกเครื่องรางสายเมตตา เป็นการเพิ่มพลังให้แก่เครื่องรางของขลังที่เรามีอยู่ เป็นคาถาเสกเพื่อเพิ่มพลัง ไม่ใช้คาถาสำหรับล้าง จึงสวดได้ ไม่เป็นการลบล้างเครื่องรางของขลังที่เรามีอยู่
สำหรับคาถาเสกเครื่องรางนี้ ผมแนะนำให้ท่านใช้กับเครื่องรางประเภท สีผึ้ง หรือ น้ำมัน เพื่อส่งเสริมให้พลังด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ยิ่งขึ้น