7 นารีพันหลักรุ่นนี้ เรียกว่ารุ่น 7 นางแก้ว รุ่นล่าสุดและเป็นรุ่นสุดท้าย หมายความว่าท่านจะไม่สร้างเจ็ดนารีพันหลักอีกแล้ว เป็นการปิดตำนานเจ็ดนารีพันหลักของท่านพระอาจารย์ประสูติ วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ วัดในเตา จ.ตรัง
เจ็ดนารีพันหลัก เกี้ยวพันอย่างนี้ มีหรือใครจะไม่ชอบ
7 นารีพันหลักนี้ ท่านผู้สร้างและเสก ท่านกล่าวว่าเป็นสุดยอดแห่งวิชาอาลัยอาวรณ์ คือยิ่งกว่ามหาเสน่ห์ เสน่ห์อาจจะอยู่ได้เมื่อพบหน้ากันหรือยู่ด้วยกัน พอตายจากกันแล้วก็อาจจะหมดเสน่หา แต่ความอาลัยไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่พระพุทธเจ้าและพระอริยบุคคลเท่านั้นที่จะตัดความอาลัยได้ อย่างที่ท่านเรียกว่า อนาลโย ผู้ไม่มีความอาลัย แต่ปุถุชนคนเรายังมีความอาลัยกันอยู่ แม้ตายจากกันก็ยังมีความอาลัย มีการทำบุญหาตามแบบวิธีการต่าง ๆ มีการทำวันครบรอบวันจากไป บางแห่งไม่มีพระพุทธศาสนา ความอาลัยนั้นยังอยู่ นำข้าวน้ำไปส่งที่หลุมศพทุกวันก็มี นั่นก็ความอาลัย ความอาลัยเป็นทุกข์ก็จริง แต่ในปุถุชนเรานั้น ความอาลัยแสดงถึงความรักความกตัญญูที่มีต่อกัน อย่างแก้วทั้ง 7 ที่มีความอาลัยต่อพระบิดา ต้องนำพระเศียรมาเวียนพระสุเมรุทุกปี โดยผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่ละปี จึงได้เป็น 7 นางแก้วพันหลักคือเขาพระสุเมรุนั่นเอง
การใช้ 7 นารีพันหลักเรียกคนรักกลับมา
- ตั้งเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัย ดอกไม้ ธูปเทียนวางบนพาน
- สวดมนต์ไหว้พระตามปกติ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
- อุทิศส่วนกุศลให้แก่เทวดาประจำตัวเรา ประจำตัวเขา พระภูมิประจำบ้านเรือนทั้งบ้านเราและบ้านเขา
- ยก 7 นารีขึ้นสวดคาถาตามข้างล่างนี้
- อธิษฐาน ตั้งความปรารถนา ขอเทวดา เจ้าที่เจ้าทางเปิดโอกาสให้เรียกคนชื่อ………….มา แล้วนำ 7 นางแก้วนี้วางทับลงที่รูปหรือเสื้อผ้าคนที่เราต้องการเรียกจิตมา
- สวดในครั้งต่อไป หรือวันต่อไป ก็สวดเหมือนเดิม อธิษฐานเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องยก 7 นารีพันหลักขึ้นมาจากรูปที่ทับไว้
คาถาบูชา 7 นารีพันหลัก (7 นางแก้ว)
ตั้งนะโม 3 จบ… ว่าคาถา
กามมะลามัง อิตถีลึงคะ อะกันตะ ติดฉามิ พันธัง ปิยังมะมะ
เด่นด้านมหาโภคทรัพย์ มหาเสน่ห์มหาเมตตาอาลัยรักดีนักแล