ตะปูสังฆวานร คืออะไร
ตะปูสังฆวานร หรือ ชินสังฆวานร สมัยแรก ๆ นั้นเป็นวัสดุที่นิยมสร้างขึ้นจากโลหะผสมตระกูลดีบุก อาจจะเป็นวัสดุที่หาง่ายในสมัยนั้น อาจจะมีโลหะอื่นผสมอยู่ด้วยเป็นต้นว่า สังกะสี ตะกั่ว ปรอท และอื่น ๆ ตะปูสังฆวานรถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นตัวยึดโครงสร้างไม้ สิ่งก่อสร้างในสมัยก่อน โดยเฉพาะ สิ่งก่อสร้างในวัด ในวัง เป็นต้นว่า อุโบสถ พระเจดีย์ ปราสาท พระวิหาร
ในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีตะปูหรือน๊อตที่เป็นรูปแบบในปัจจุบันนี้ การสร้างโบสถ์ วิหาร สมัยนั้นจึงใช้โลหะตามที่กล่าวมานี้มาหล่อหลอมหรือตีขึ้นเป็นแท่ง กลมบ้าง เหลี่ยมบ้าง ด้านปลายแหลม อีกด้านเป็นหัวหมุดคลายดอกเห็ด เดิมทีตะปูสังฆวานรเข้าใจว่าไม่ได้เป็นหัวหมุดบานเหมือนดอกเห็ด แต่เมื่อถูกตีเข้าไปยึดกับไม้จึงทำให้บานออกมาเช่นนั้ เรียกกันว่า ตะปูสังฆวานร
ตำนานตะปูสังฆวานร
เรื่องตำนานตะปูสังฆวานรนี้ พึงเข้าใจว่าเป็นตำนาน และตำนานนี้ผมเชื่อว่าเหล่ามาทีหลัง เพื่อให้ตะปูสังฆวานรนี้ทรงคุณค่าขึ้นและที่สำคัญไม่รู้ว่าเรื่องเล่านี้มาจากไหน มาในตำราไหน เกิดขึ้นไหนสมัยไหน ใครเป็นคนเล่าก่อน ส่วนผมเองก็นำมาจากอินเตอร์เน็ตซึ่งเห็นเขียนโพสต์กันทั่วไป ไม่รู้ใครโพสต์ก่อน จึงไม่ขออ้างแหล่งที่มา และขอแทรกความคิดเห็นส่วนตัวเข้าไปครับ
เริ่มต้นตำนานตะปูสังฆวานร สืบเนื่องมาจากมีพญาวานรตนหนึ่งซึ่งได้จุติเกิดในภพภูมิของมนุษย์ (ไม่รู้ว่าก่อนนั้นวานรนี้อยู่ในภพไหน คนเขียนใช้คำว่าจุติเหมือนเป็นนัยว่าเป็นพญาวานรมาจากสวรรค์ แต่สวรรค์ไม่มีสวรรค์เดรัจฉานนะครับ ฉะนั้น ที่เป็นไปได้คือพญาวานรนี้ครั้งก่อนก็เกิดบนโลกมนุษย์หรือแหล่ะ หรือถ้าอยากให้ศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์หน่อยก็เคยเกิดเป็นพญาวานรในป่าหิมพานต์ ได้ยินว่าที่นั่นมีสัตว์วิเศษมากมาย) เมื่อพญาวานรได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วจึงได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา (ไม่ได้บอกว่าในสมัยพระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์ได้ และไม่ได้บอกว่าบวชเป็นอะไร แต่เข้าใจว่าบวชเป็นพระภิกษุนั่นแหล่ะ) แม้บวชเข้ามาแล้วก็ยังติดใจหลงไหลในฤทธิ์อำนาจของตนเองที่ติดตัวมาจากอดีตชาติ (ดีนะสามารถติดตัวมาได้ด้วย)
เมื่อบวชแล้ว พญาวานร (จริง ๆ แล้วเมื่อเกิดเป็นมนุษย์และบวชเป็นพระแล้วไม่ควรเรียกว่าพญาวานรอีกนะ ผมขอใช้คำกลาง ๆ ว่าท่านละกัน) ก็ยังชอบที่จะใช้ฤทธิ์ที่มีอยู่แต่เดิม ชอบเหาะขึ้นไปเก็บรวบรวมเหล็กไหลธาตุที่มีสีขาวนวล ซึ่งถูกทิ้งลอยไหลไปมาอยู่ในอากาศไม่ได้ถูกเทวดานำไปทำเป็นฐานพระเกตุแก้วจุฬามณี (นี่เป็นที่มาของคำว่าเหล็กไหล ?) เมื่อท่านได้เก็บรวบรวมเหล็กไหลธาตุได้ตามความประสงค์แล้ว ท่านจึงนำไปหลอมละลายผสมเข้ากับด้วยเงินยวงหรือเงินบริสุทธิ์ ทำการอธิษฐานปลุกเสกขึ้นมาใหม่ เพื่อให้มีฤทธิ์อำนาจยิ่งขึ้นตามที่ตนต้องการ จากนั้นท่านจึงได้เก็บไว้ในถ้ำลึกที่ตนอาศัยอยู่เพื่อใช้สำหรับทดสอบฌานสมาบัติและฤทธิ์อำนาจของตัวเอง (จริง ๆ แล้ว ดูจากความสามารถของท่านแล้วไม่น่าจะต้องมาทดสอบอะไรอีกแล้วนะ)
ความที่ท่านยังติดในฤทธิ์อำนาจอันเป็นโลกิยธรรมจึงทำให้ท่านไม่เจริญก้าวหน้าในทางธรรม (คงหมายถึงโลกุตรธรรม) เพราะท่านหลงไหลยึดติดยึดมั่นถือมั่นในฤทธิ์อำนาจที่ตนมีอยู่ เมื่อท่านได้ละสังขารไปแล้ว จิตยังผูกพันในธาตุกายสิทธิ์ที่ตนเองได้สร้างขึ้นมา ทำให้จิตของท่านยึดอยู่วัตถุธาตุนั้น ติดตามดูแลธาตุกายสิทธิ์นั้นเพื่อไม่ให้ได้ตกไปอยู่ในมือของหมู่มารที่คิดไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา (ไม่ได้กล่าวไว้อีกว่า วัตถุธาตุนั้นวิเศษอย่างไร หรือหากตกอยู่ในคนที่มีอคติต่อพระพุทธศาสนาแล้วจะเป็นอย่างไร เขาจะทำอย่างไรได้ เขาจะทำร้ายพระพุทธศาสนาได้อย่างไร พระพุทธเจ้าเองก็ไม่เคยตรัสไว้ว่าพระพุทธศาสนาจะต้องถูกทำลายด้วยวัตถุธาตุ และตำนานก็ไม่ได้บอกไว้ว่าดวงจิตของท่านจะอยู่ในวัตถุธาตุนี้นานแค่ไหน ชั่วกัลป์ ชั่วกัลป์ เป็นไปไม่ได้หรอก)
ด้วยเหตุนั้น วัตถุธาตุนี้ที่เกิดจากเหล็กไหลขาวที่ล่องลอยไปมาอยู่ในอากาศ แล้วถูกนำมาหุงใหม่บวกเข้ากับพลังฤทธิ์ฌานสมาบัติของท่านที่เคยเป็นพญาวานรมาก่อนแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วบวชเป็นพระสงฆ์ ต่อมาเราจึงเรียกวัตถุธาตุนั้นว่า “สังฆวานร” โลหะชนิดนี้จะมีสีเงินยวง มีความขาวนวลกว่าเหล็กไหลขาวอื่น ๆ
เหตุเพราะที่สังฆวานรนี้มีฤทธิ์อำนาจในการป้องกันศัตรูหมู่มารรวมทั้งภัยพิบัตินานาประการ ไม่ให้เข้ามากร้ำกรายลุกร้ำสถานที่นั้น ๆ ได้ (คงหมายถึง สังฆวานร ที่มีดวงจิตของพญาวานรสิงสถิตอยู่ ถ้าไม่มีดวงจิตอยู่ก็คงป้องกันศัตรูหมู่มารไม่ได้ ไม้งั้นพญาวานรก็คงจะกังวลว่าจะตกอยู่ในบุคคลที่มีอคติต่อพระพุทธศาสนา ถ้า สังฆวานร สามารถป้องกันได้ด้วยตนเองจะไปกังวลทำไม) หากใช้คาถา “นะมะหะนุ วะลุสังหะ” กำกับจะมีฤทธานุภาพเหมือนกับหนุมาน (ที่นี้กล่าวถึงหนุมาน ไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเลย เกี่ยวกับศาสนาฮินดูละ) แต่ที่แตกต่างกันนั่นก็คือธาตุกายสิทธิ์นี้จะมีบารมีธรรมขั้นสูงกำกับอยู่ นั่นก็คือบารมีธรรมของเหล่าอริยสงฆ์ที่ตั้งใจลงมาช่วยเหลือเกื้อกูลต่อพระพุทธศาสนา เพื่อให้หลุดรอดจากเหล่าหมู่มารทั้งหลาย (อันนี้ผมไม่เข้าใจ บารมีท่านจะมากำกับอะไรกับวัตถุนี้ แหละตอนนี้วัตถุนี้อยู่ที่ไหน) บวกกับฤทธานุภาพของพญาวานรที่เป็นเจ้าของเดิม ส่งผลให้แร่สังฆวานรนี้มีอานุภาพอย่างยิ่ง (ตำนานนะครับ ไม่รู้ใครแต่ง ตอนนี้วัตถุธาตุนั้นอยู่ที่ไหน)
พุทธคุณ ตะปูสังฆวานร
ตะปูสังฆวานร ที่จะมีพุทธคุณ หรืออิทธิคุณนั้น จะต้องเป็นตะปูสังฆวานรที่อยู่ในศาสนาสถานที่สำคัญ เช่น อุโบสถ วิหาร ผ่านพิธีกรรมต่าง ๆ มาหลายร้อยปี พระเกจิสมัยก่อน มีหลวงพ่อเดิมเป็นต้น นิยมนำมาทำเป็นมีดหมอ ตะปูสังฆวานร หรือนำมาทำเป็นลูกสะกด ลูกอม หล่อเป็นสิงห์ หล่อเป็นพระเครื่องเนื้อชินต่าง ๆ เป็นต้น เชื่อว่ามีพุทธคุณด้านป้องกันอันตรายทั้งหลาย ป้องกันเสนียดจัญไร ป้องฟ้าผ่า ป้องกันภูตผีปีศาจ (สิ่งที่มองไม่เห็นจะรวมอยู่ในนี้) ป้องกันคุณไสยมนต์ดำต่าง ๆ คงกระพันชาตรี ป้องกันสัตว์มีพิษ ป้องกันไข้ป่า เป็นที่รักของเหล่าเทวดาทั้งหลาย
ตะปูสังฆวานร ที่ได้รับความนิยม
ตะปูสังฆวานรที่ได้รับความนิยม หมายความว่าถูกค้นหาใน Google เป็นอย่างมาก ไม่ได้หมายความว่าให้ท่านทำการหามาใช้นะครับ ได้แก่
- ตะปูสังฆวานร วัดพระแก้ว
- ตะปูสังฆวานร วัดระฆัง
- ตะปูสังฆวานร วัดสุทัศน์
- ตะปูสังฆวานร พระเจดีย์ต่าง ๆ
- ตะปูสังฆวานร โบสถ์เก่า
- ตะปูสังฆวานร วัดร้าง
ข้อความระวังในการสะสม ตะปูสังฆวานร
อย่างที่กล่าวข้างต้น ตะปูสังฆวานรที่จะมีพุทธคุณหรืออิทธิคุณ จะต้องเป็นตะปูสังฆวานรที่อยู่อุโบสถ หรือวิหาร ที่มีพลังงานด้านบวกซึมซับอยู่จากการสวดมนต์ภาวนาของพระภิกษุสงฆ์ แต่ต้องเป็นตะปูสังฆวานรที่ทางวัดอนุญาตให้นำออกมาหรือทางวัดนำออกมาให้บูชา (ผาติกรรม) เพื่อเปลี่ยนเป็นปัจจัยยำรุงวัดศาสนา หากท่านเจอตะปูสังฆวานรหล่นอยู่ข้างอุโบสถหรือเจดีย์แล้วกับมาบ้านแทนที่จะเป็นมงคลอาจจะเป็นโทษด้วยซ้ำ เพราะท่านได้หยิบของสงฆ์มา หรืออาจจะถูกฟ้องร้องว่าขโมยก็ได้
หากเป็นตะปูลักษณะเดียวกัน แต่อยู่ในบ้านเรือนชาวบ้านหรือขุนนางสมัยเก่าอาจจะดูดซับพลังงานด้านลบไว้ เช่น เสียงด่าสาปแช่ง คำหยาบ ความโกรธ ความอาฆาตไว้ ไม่เป็นผลดีต่อผู้เก็บสะสมแน่
อีกประการหนึ่ง หากเห็นตะปูในลักษณะเดียวกัน อย่าเหมาว่าต้องเป็นตะปูสังฆวานรเสมอไป อาจจะเป็นหมุดรางรถไฟสมัยก่อนก็ได้ครับ
ในส่วนของตำนานนั้น เป็นแค่ตำนานที่มาของชื่อ ตะปูสังฆวานรเท่านั้น ซึ่งโลหะในตำนานนั้นมีจริงหรือไม่ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ตัวเดียวกับที่นำมาตอกยึดอุโบสถ ฉะนั้น อย่าไปเคลิ้มว่าจะเป็นของกายสิทธิ์มีจิตของพญาวานร