หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม ตำบลหนองหว้า อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นอีกหนึ่งพระเกจิอาจารย์ ที่ผมนับถือในวิทยาคมของท่านมาก จากการที่ผมได้อ่านประวัติท่าน ผมชื่นชมในองค์ท่านที่เป็นคนจริง เรียนจริง ทำได้จริง ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ใฝ่ทดลอง ทำด้วยใจรักจริง ๆ อย่างเวลาท่านจะทำพระเครื่อง ท่านนิยมทำด้วยเนื้อผงว่าน และเป็นว่านที่ท่านเลี้ยงเองในที่เฉพาะของท่าน ไม่ให้คนอื่นเข้าไปยุ่งเกี่ยว เลี้ยงด้วยน้ำมนต์ที่ท่านทำ

หลวงพ่อสังข์ ชำนาญด้านพระเวททำเสน่ห์
มีช่วงหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในประวัติของหลวงพ่อสังข์ ที่ผมอ่านดูแล้วเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง และท่านทำได้จริง ซึ่งมีเนื้อความประมาณว่า หลวงพ่อสังข์ ท่านลงมาที่กรุงเทพฯ ได้พักที่วัดสระเกศ กุฎิของพระอาจารย์บุญมี ครั้งนั้นมีหญิงคนหนึ่งสามีไปมีเมียน้อย ที่สำคัญหลงเมียน้อยเป็นอย่างมากกลับมาบ้านแต่ละที มีหน้าตาเศร้าหมอง หงุดหงิดง่าย ทะเลาะกันบ่อย และก็จะหาเรื่องออกจากบ้านไปอยู่กับเมียน้อยอยู่เรื่อย เธอร้องห่มร้องไห้มาหาหลวงพ่อเพราะกลัวว่าจะเสียสามีไป หลวงพ่อสงสารจึงรับปากว่าจะช่วย และให้เธอเขียนชื่อและวันเดือนปีเกิดตนเองและสามีทิ้งไว้ ไม่สามารถทำได้ในวันนี้ ต้องเตรียมของทำพิธีก่อน 3 อย่าง คือ
1. ขี้ผึ้งปิดหน้าผี (ขี้ผึ้งปิดหน้าศพ)
2. ใบรักซ้อน ต้องใช้ใบของต้นรักที่ดอกจะซ้อนกันหลายชั้นเท่านั้น ใบรักทั่วไปใช้ไม่ได
3. ฝ้ายจูงศพ เป็นฝ้ายด้ายดิบที่เขาใช้จูงศพ
เมื่อได้ของครบแล้ว หลวงพ่อสังข์ท่านก็จะใช้ขี้ผึ้งปั้นหุ่น 2 ตัว เป็นผู้หญิงและผู้ชาย แล้วจึงนำใบรักซ้อน 2 ใบ มาเขียนชื่อและวันเดือนปีเกิดของคุณผู้หญิงติดไว้ที่หุ่นรูปผู้หญิง และเขียนชื่อวันเดือนปีเกิดของสามีติดไว้ที่หุ่นผู้ชาย เมื่อได้ฤกษ์ยามที่จะทำพิธีแล้วท่านก็จะทำพิธีซึ่งจะเป็นเวลากลางคืนดึกสงัดเท่านั้น
ในคืนหนึ่ง ขณะที่พระอาจารย์บุญมี ลุกขึ้นมาเพื่อไปห้องน้ำจึงได้เห็นหลวงพ่อสังข์กำลังทำพิธีสวดมนต์อยู่ซึ่งมีหุ่นขี้ผึ้งทั้งสองตัววางอยู่ตรงหน้า ในขณะที่หลวงพ่อสังข์กำลังหลับตาบริกรรมอยู่นั้น หุ่นทั้งสองตัวก็กระดอนจากพื้นไม้กระดานขึ้นลงเป็นจังหวะแล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าหากัน จนในที่สุด หุ่นทั้ง 2 ตัว ก็เคลื่อนเข้ามาจนติดกัน แล้วหลวงพ่อสังข์ท่านก็หยุดบริกรรมคาถาและลืมตาขึ้น จากนั้นหลวงพ่อสังข์จึงนำด้ายสายสิญจน์ที่ทำจากฝ้ายจูงศพมาผูกหุ่นทั้งสองตัวโดยพันรอบตัวหุ่นหลายรอบและมัดติดกันจนแน่น ในขณะที่หลวงพ่อสังข์ท่านมัดหุ่นท่านก็บริกรรมคาถาไปด้วยจนเสร็จพิธี ในเช้ามืดวันนั้นนั่นเอง หลวงพ่อสังข์ได้สั่งให้พระอาจารย์บุญมีนำหุ่นทั้งสองที่มัดติดกันนั้นไปฝังดินไว้ และหลวงพ่อได้ให้พระอาจารย์บุญมีแจ้งข่าวให้คุณผู้หญิงทราบว่าได้ทำพิธีให้แล้ว ไม่นานสามีก็คงจะกลับมาอย่างแน่นอน เพียงไม่กี่วัน คุณผู้หญิงคนนั้นก็มากราบหลวงพ่อ มาถวายภัตตาหารเพล แลดูหน้าตาสดชื่นขึ้นมาก กราบเรียนหลวงพอว่าสามีตนได้กลับมาแล้ว กราบขอบพระคุณหลวงพ่อมากที่ช่วยเหลือ……….. นี่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติท่านที่ผมเชื่อว่าท่านทำได้จริงตามนั้น
เครื่องรางของหลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม
หลวงพ่อสังข์ท่านสร้างเครื่องรางไว้หลายประเภท โดยมากรูปร่างค่อนข้างแตกต่างจากพระเกจิอาจารย์รูปอื่น ศิลปะไม่ค่อยจะสวยงามเท่าไหร่ ทำแบบพื้น ๆ แต่เข้มขลังยิ่งนัก วัตถุมงคลและเครื่องรางของหลวงพ่อสังข์ก็จะมีประมาณว่า พระสมเด็จ พระขุนแผน พระนางพญา พระปิดตา พระสาม พระตรีกาย เหรียญรูปเหมือน นางกวัก กุมารทอง ตะกรุดไม้ไผ่ยอดด้วน ตะกรุดไม้ไผ่ผ่ากอ ตะกรุดโทน ผ้ายันต์ วัวธนู แหวนสามนิ้ว เต่าเรือน สีผึ้ง ปลัดขิก ปลัดขิกนางครวญ ลูกประคำ นางสีขี พญาการะเวก (ราหูอมจันทร์) และอื่น ๆ อีกที่ไม่ได้กล่าวถึง
ปลัดนางครวญ หลวงพ่อสังข์ สุริโย วัดนากันตม
สำหรับปลัดนางครวญหลวงพ่อสังข์ตัวนี้ เข้าใจว่าเป็นศิลป์ของพระลูกศิษย์ในวัดหรือชาวบ้านแกะขึ้นขึ้นมาถวายท่าน ทำด้วยไม้แก่นมะขาม ลงทอง ก็คงจะเป็นสีทองที่ใช้ทาพระพุทธรูปหรือเสาบัวหรืองานที่อยู่ในวัดนั่นแหล่ะครับ มีรอยจารที่ท้องปลัดขิก สำหรับปลัดขิกก็ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีแม่พิมพ์ตายตัว โดยมากก็แกะมาให้ท่านลงคาถาหรือจารให้ จึงต้องอาศัยดูความเก่าบ้าง ศิลป์บ้าง ดูจากที่มาบ้าง รอยจารบ้าง ซึ่งปกติท่านก็จะจารยันต์เฑาะห์ อักขระอื่นก็คงจะมีบ้างครับ ดูหลาย ๆ อย่างเป็นองค์ประกอบ