ผีใครบ้างจะไม่กลัว ยิ่งสังคมไทยปลูกฝังเรื่องผี ๆ มีตั้งแต่เด็ก อะไร ๆ ก็เกี่ยวข้องกับผีหมด ดีร้าย โชคลาภ สุขทุกข์ เพาะปลูกได้ผลไม่ได้ผลก็ยังนำผีมาเกี่ยวข้อง อีกทั้งเกจิทั้งหลายก็สร้างเครื่องรางของขลังออกมาเพื่อป้องกันผี ทำให้เป็นเครื่องตอกย้ำว่าผีมีจริง ๆ หากใครที่กลัวผีเข้ากระดูกดำลองใช้วิธีไม่ให้กลัวผีจนเลิกกลัวผีของพระอาจารย์บุญนาคซึ่งท่านได้เขียนไว้ในหนังสือ “ประวัติพระบุญนาคเที่ยวกรรมฐาน”
พอรุ่งเช้าขึ้นมา ฉันแล้วก็ลาพระอาจารย์ ท่านก็ไม่อนุญาต บอกพระอาจารย์ว่า ผมตกลงแล้วแต่คืนนี้ ผมเห็นจะไม่อยู่ ว่าแล้วก็ขอขมาโทษต่ออาจารย์ วางขันดอกไม้ไว้ซึ่งหน้าท่านแล้วก็หลีกไป วันแรก เดือน ๔ แรม ๔ ค่ำ ไปพักป่าช้าบ้านหนองแสง ตอนค่ำลงนึกกลัวผี ได้พิจารณาว่า
“อะไรเป็นผี ได้ความว่า ใจเป็นผี เพราะร่างกระดูกเขาเผาและฝังหมดเสียแล้ว ตกลงว่าไม่จริง วัว, ควาย, หมู, ไก่ ก็มีใจทั้งนั้น ทำไมคนกินเนื้อมันได้ เช่นวัว ควาย ยิ่งตัวใหญ่ ไม่กลัวผีมันหลอกหรือ ทำไมกินเนื้อมันได้ ขนเอาเนื้อ เอากระดูกมันไปเก็บไว้ที่บ้าน ทั้งกินเสียด้วย จนกระทั่ง ปู, ปลา ก็มีใจทั้งนั้น หากว่าใจสัตว์ที่ตายแล้วเป็นผี อยู่กับซากศพที่ฝังไว้แล้วนั้น เป็นผีหลอกคน ถ้าเช่นนั้น คนที่ฝังซากวัว, ซากควายลงที่ท้องของตน ก็จะไม่เป็นอันอยู่ อันนอน เพราะผีมันจะหลอก เปล่าทั้งนั้น ไม่ปรากฏเลยว่า ค่ำมา คนนั้นคนนี้ถูกผีวัวหลอก หรือผีหมู ผีไก่หลอก ก็เปล่าทั้งนั้น
ตกลงว่ามนุษย์นี้หลอกกันทั้งนั้น สิ่งใดกินเนื้อมันเห็นว่าไม่มีผีมันหลอกดังนี้ มนุษย์ที่ตายแล้วฝังอยู่ป่าช้า เช่นนี้ยิ่งแล้ว เพราะมันกลัวป่าช้า ตายแล้ว ที่ไหนมันจะมา ถ้าใจของคนยังมีติดอยู่ที่กาย ทำไมมันจะตาย ใจคนหนีแล้วแต่อยู่เรือนขณะมันตายทีแรก นั้นมิใช่หรือ มันจึงตาย”
เมื่อพิจารณาเช่นนี้ แต่วันนั้นมา ขึ้นชื่อว่าป่าช้า อยู่ได้ทุกแห่งไป ไม่ต้องกลัวผีอีก เดินเที่ยวพักไปตามป่าช้าบ้านอื่น ๆ
ที่มา : http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/pra-boonnak/pra-boonnak-02.htm
จากอุบายไม่ให้กลัวผีจนเลิกกลัวผีของพระอาจารย์บุญนาคพอสรุปได้ว่า
- ร่างกระดูกเป็นผีหรือก็ไม่ใช่ เพราะร่างกระดูกเราก็มีกันทุกคน นั่งกินนอนกับมันทุกวัน ใส่เสื้อตัวเดียวกัน นอนห่มผ้าผืนเดียวกับมันทุกคืน แล้วเราจะกลัวมันทำไม และเมื่อตายไปเขาก็เอาไปเผาหรือฝังเสียหมด
- ใจเป็นผีหรือก็ไม่ใช่อีก เพราะสัตว์น้อยใหญ่วัว ควาย หมู ไก่ ปู ปลา ต่างก็มีใจทั้งนั้น แต่มนุษย์เราก็เอามากิน นำซากของมันมาฝังลงที่ท้องของตน แต่ก็ไม่ปรากฎว่าใจของสัตว์เหล่านั้นที่เป็นผีมาหลอกใคร
- มนุษย์เราหลอกตนเองและผู้อื่น สิ่งไหนกินได้และกินเข้าไปแล้วก็ไม่เห็นพูดถึงเรื่องผีของสิ่งที่กินเข้าไปเลย
- มนุษย์เราตายแล้ว ใจ (จิต,วิญญาณ) ก็ไม่ได้ติดอยู่ร่างกาย เพราะถ้าติดอยู่กับร่างกายก็คงไม่ตาย ฉะนั้น เมื่อนำร่างไปป่าช้าหรือไปที่ไหนก็ตาม จิตวิญญาณก็ไม่ได้ไปด้วย
- ก่อนตายมนุษย์ก็กลัวผี เกลียดป่าช้าอยู่แล้ว เมื่อตายแล้ว จิตวิญญาณที่ไหนจะตามไปอยู่ป่าช้ากับร่ายกายด้วย เพราะมันเกลียดและกลัวป่าช้า จิตวิญญาณมันหนีไปตั้งแต่ตอนตายแล้ว ตายอยู่บ้านก็หนีออกจากร่างตั้งแต่อยู่ที่บ้าน ตายอยู่ที่โรงพยาบาลก็หนีออกจากร่างตั้งแต่อยู่โรงพยาบาล ตายที่สามแยกสี่แยกก็หนีออกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
นี่เป็นอุบายที่ทำให้เราไม่กลัวผีและเลิกกลัวผีไปได้ โดยที่ไม่ต้องท่องคาถา ไม่ต้องพกเครื่องรางของขลังหรือพระเครื่องใด ๆ