พระเครื่อง เครื่องราง
หลายคนคงจะตั้งข้อสงสัยอยู่ว่า พระเครื่องสามารถคุ้มแก่ผู้บูชาได้จริงไหม หรือพระเครื่องมีไว้ขายเท่านั้น เซียนพระ พ่อค้าพระทั้งหลายปั่นกันขึ้นมาเฉย ๆ ว่ามีประสบการณ์อย่างนั้น พุทธคุณอย่างนี้ เพื่อที่จะทำให้พระได้ราคาที่สูงขึ้น แพงขึ้น วันนี้ผมเขียนโพสต์ตามความเข้าใจตามความคิดเห็นของผม โดยมิได้ไปทำการวิจัยแต่อย่างใด ฉะนั้น ผิดถูกขออภัยด้วย เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นครับ
เกริ่นไว้นาน แต่ไม่มีเวลาเขียน พอจะเขียนจริง ๆ ไม่มีอะไรจะเขียน สิ่งที่จะเขียนลืมหมดเลย 555 เอาความเชื่อ ความศรัทธาผุดคิดขึ้นมาตอบตอนนี้เลยนะครับ พระเครื่องคืออะไร ในที่นี้ผมหมายถึงพระพุทธรูปขนาดเล็กสำหรับห้อยคอหรือพกติดตัวไปได้อย่างสะดวก คำว่า คุ้มครอง ผมให้ความหมายกว้าง ทั้งคุ้มครอง ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรม นามธรรม คุ้มครองสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ และโลกหน้าด้วยนะครับ
คุ้มครองสิ่งที่เป็นรูปธรรม ก็คือการคุ้มครองอันตรายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ที่เห็นได้เป็นรูปธรรม เช่น หากเกิดอุบัติเหตุ ก็ไม่ถึงขั้นร้ายแรง หากถูกแทงก็ไม่เข้าหรือมีกรรมเก่าว่ายังไงก็ต้องถูกแทงหรือบาดเจ็บเพราะของมีคม ก็ไม่ถึงขั้นตาย รักษาหายได้ ไปโรงพยาบาลทัน แต่หากกรรมหนักตามทันว่าต้องตายเพราะเหตุนี้พระก็คุ้มครองเรื่องนี้ไม่ได้ แต่หากเราระลึกนึกถึงพระที่ห้อยคอเรา มีอารมณ์เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน พระหรืออารมณ์กรรมฐานนั้นแหล่ะจะคุ้มครองเราให้เราไปสู่สุคติภพ นี่ถือว่าพระตามคุ้มครองเราไปถึงภพหน้า ชาติหน้า อย่าได้ประมาทเด็ดขาด
คุ้มครองในสิ่งที่เป็นนามธรรม คือคุ้มครองใจเราไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว หรือกระทำความชั่วออกมาทางกาย วาจา และใจ ผมจัดเข้าในนามธรรม เพราะมันเริ่มที่ใจก่อนครับ เช่น หากเราห้อยพระอยู่ เพื่อนชวนไปกินเหล้า หรือยื่นแก้วเหล้าให้ เราไม่รับมากิน เพราะเราห้อยพระอยู่ รู้สึกละอายต่อใจที่จะทำสิ่งนั้น หรือเพื่อนชวนไปเที่ยวในสถานที่อโคจร เราไม่เข้าไปเพราะห้อยพระอยู่ คนอื่นชวนไปเล่นการพนัน ปล้นร้านทองก็เหมือกัน เราไม่ไป รู้สึกละอายใจที่ตนห้อยพระที่ครูออาจารย์ผู้ทรงคุณธรรมมอบให้แก่เราแล้ว แล้วเราไปทำในสิ่งที่ไม่ดี ขัดคำสั่งของครูอาจารย์ นี้เริ่มคุ้มครองจากภายในก่อน และการคุ้มครองเป็นการคุ้มครองที่ดีเยี่ยม เพราะเป็นการคุ้มครองที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบก็ว่าได้ คือเริ่มคุ้มครองทางใจก่อน ไม่ให้คิดที่จะทำความชั่ว วาจาและกายก็ทำตามคำสั่งของใจคือไม่ทำ เมื่อไม่ทำสิ่งไม่ดี ความเดือดร้อนกายใจก็ไม่ตามมา ไม่เกิดโทษทั้งปัจจุบันชาติ และชาติหน้า พระคุ้มครองได้ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
ย้อนกลับไปถึงหัวข้อ ผมมีคำว่าเครื่องรางด้วย คำว่าเครื่องรางในที่นี้ หมายถึงเครื่องรางที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธคุณ มีผ้ายันต์ ตะกรุด ที่ลงอักขรยันต์ที่เกี่ยวข้องกับพระรัตนตรัย การใช้การคุ้มครองจึงมีลักษณะเหมือนกัน เราพกเครื่องราง ผ้ายันต์ ตะกรุดอยู่ นึกถึงครูอาจารย์ที่ทำหรือมอบให้แล้ว เราไม่กล้าทำความชั่ว เหมือนนัยแห่งพระเครื่อง หากมีอันเป็นไประลึกถึงครูอาจารย์ผู้สร้าง หรือระลึกถึงคุณธรรมของท่าน ก็ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ มีสติก่อนตาย ด้วยจิตใจที่เป็นกรรมฐานนั้น เพราะอาศัยเหตุแห่งเครื่องรางที่เราพก ก็จะส่งให้เราไปสู่สุคติได้เช่นกัน
สรุปตามความคิดเห็นของผมก็คือ พระเครื่อง เครื่องรางช่วยได้ ไม่ช่วยอย่างใดก็อย่างหนึ่ง แต่ทั้งนี้แหล่ะทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วย แต่รวมสรุปก็อยู่ที่กรรม กรรมคือการกระทำทั้งทางกาย วาจา และใจ ทำกรรมดี ไม่มีขาดทุนแน่ ตายก็ไม่ขาดทุน (ต้องวงเล็บอีก ห้อยพระ และระลึกถึงพระที่ห้อยนั้นเป็นพุทธานุสสติ ก็คือการทำความดีทางใจอย่างหนึ่ง)