องค์นี้ เป็นเพียงพระพุทธรูปประกอบบทความเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาแต่อย่างใด
เรื่องนี้เกิดขึ้นครั้งเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพอัญเชิญพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่งดงามพอสมควร (พระพุทธนรสีห์) ลงมาจากเมืองเชียงใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรงแวะที่เมืองอุตรดิตถ์ ก็ได้อัญเชิญพระพุทธรูปจากเมืองอุตรดิตถ์ลงมากรุงเทพฯก่อน พระพุทธรูปองค์นี้ทรงได้มาจากวัดมหาธาตุ เมืองทุ่งยั้ง พระพุทธรูปองค์นี้ถูกวางนอนไว้บนพระหัตถ์ของพระประธานในวัด และพระพุทธรูปองค์ที่วางบนพระหัตถ์พระประธานนี้ก็ถูกนำมาจากวัดอื่นหรือที่อื่นเช่นกัน แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นำมาวางนอนบนพระหัตถ์ของพระประธานวัดมหาธาตุ
พระพุทธรูปองค์นี้มีประวัติที่เล่าต่อ ๆ กันว่า หากมีคนไปถวายเครื่องบูชา อีกไม่นานก็จะต้องมีเหตุทะเลาะวิวาทในวัด หมู่บ้านหรือตำบลนั้น บางครั้งลูกศิษย์วัดเห็นว่าที่วัดมีงานอยากทดลองดูว่าจะเกิดเรื่องขึ้นจริงไหม จึงเครื่องบูชาไปสักการะพระพุทธรูปองค์นี้ แล้วก็จะเกิดเหตุคนทะเลาะวิวาทในงานวัดนั้นจริง ๆ ทุกครั้งไป เมื่อพระองค์นี้ถูกนำมาเก็บไว้ที่วัดมหาธาตุ และไม่มีใครแสดงความเป็นเจ้าของหรือนำไปเก็บไว้ที่วัดเดิม
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงได้ขอพระพุทธรูปองค์นี้แล้วจึงส่งลงมาที่กรุงเทพมหานคร พระองค์ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปแล้วให้อัญเชิญพระพุทธรูปนั้นลงเรือ เพื่อที่จะส่งลงไปยังกรุงเทพมหานครเพื่อให้ท่านเจ้ามาขัดแต่ง แต่พอตกตอนค่ำก็ได้ข่าวว่าคนพายเรือนำส่งพระพุทธรูปได้เกิดการทะเลาะวิวาทถึงขั้นชกต่อยกัน จากนั้นพระองค์ก็ทรงตรวจราชการต่อไปจนถึงเมืองเชียงใหม่ต่อไป
เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จกลับมายังกรุงเทพมหานครแล้ว ก็ทรงรับเอาพระพุทธรูปองค์ที่มีประวัติว่าเป็นพระพุทธรูปอาถรรพ์ด้านวิวาท นำมาประดิษฐานไว้ในวังของพระองค์ หลังจากนั้น คนในวังของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นถึงหกคู่ ในเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้น จากนั้นพระองค์จึงมอบพระพุทธรูปองค์นั้นให้ท่านเจ้ามา หลังจากที่ท่านเจ้ามารับพระพุทธรูปเชียงแสนองค์นี้ไปไว้สักการะบูชาแล้ว คนในวัดจักรวรรดิก็เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทเนื่อง ๆ ถึงขนาดไปตีหัวคนขายเกี้ยมอี๋ ท่านเจ้ามาจึงได้มอบพระพุทธรูปเชียงแสนองค์นี้ให้แก่พ่อค้าหัวเมืองไป จากนั้นก็ไม่สามารถสืบทราบได้ว่าพระพุทรูปองค์นี้ไม่อยู่ที่ไหนต่อไป และได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่
ขอบคุณ ข้อมูลจาก : http://sihawatchara.blogspot.com/2017/01/blog-post_24.html
