
มูลเหตุที่ทำให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายนิยมทำบุญด้วยการถวายสังฆทาน อันเนื่องมาจาก พระนางมหาปชาบดีโคตมี ดังมีปรากฏในทักขิณาวิภังคสูตรซึ่งมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสังฆทาน มีใจความโดยสังเขปว่า
ในสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทับอยู่ ณ วัดนิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ ครั้งนั้นพระนางมหาปชาบดีโคตมี พระมาตุจฉาของพระพุทธองค์ ได้เกิดมีศรัทธาอย่างแรงกล้า ทรงทอผ้าจีวรด้วยพระองค์เองเพื่อนำมาน้อมถวายแด่พระพุทธเจ้า แต่พระพุทธองค์ทรงได้ปฏิเสธที่จะรับถวายผ้าจีวรนั้น โดยได้ตรัสให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีนำผ้าจีวรนั้นไปถวายเป็นกองกลางคณะสงฆ์ เพราะพระพุทธองค์ทรงเห็นว่าการถวายผ้าเป็นสังฆทานจักเกิดอานิสงส์มากกว่า แม้จะถวายแก่พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมศาสดาก็ตาม (การถวายหรือให้ทานแก่พระพุทธเจ้า พระภิกษุหรือบุคคลทั่วไป ทรงจัดเป็นปาฏิปุคคลิกทาน) อีกประการหนึ่ง การถวายเป็นสังฆทานนั้นย่อมถือว่าเป็นการบูชาพระพุทธองค์ผู้ทรงเป็นประมุขแห่งพระสงฆ์ทั้งปวงด้วย (นั้นก็แสดงว่า การถวายทาน การให้ทาน การถวายสังฆทาน ก็เป็นปฏิบัติบูชา คือปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า)
จากนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถึงปาฏิปุคลิกทาน คือการให้ทานโดยจำเพาะเจาะจงแก่บุคคล 14 ประเภท ได้แก่
1.ถวายทานแด่พระตถาคต
2.ถวายทานแด่พระปัจเจก
3.ถวายทานแด่ผู้เป็นอรหันต์
4.ถวายทานแด่ผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง
5.ถวายทานแด่พระอนาคามี
6.ถวายทานแด่ผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามีผลให้แจ้ง
7.ถวายทานแด่พระสกทาคามี
8.ถวายทานแด่ผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามีให้แจ้ง
9.ถวายทานแด่พระโสดาบัน
10.ถวายทานแด่ผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง
11.ถวายทานแด่บุคคลภายนอกศาสนาผู้ปราศจากกาม
12.ให้ทานแก่ปุถุชนผู้มีศีล
13.ห้ทานแก่ปุถุชนผู้ทุศีล
14.ห้ทานแก่สัตว์เดรัจฉาน
และตรัสถึงทักษิณาทานที่ถวายแก่สงฆ์ (สังฆทาน) ว่ามี 7 ประการ คือ
1.ถวายทานในสงฆ์ 2 ฝ่าย (ทั้งฝ่ายภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์) มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
2.ถวายทานในสงฆ์ 2 ฝ่าย ในเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว
3.ถวายทานในภิกษุสงฆ์ ในเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว
4.ถวายทานในภิกษุณีสงฆ์ ในเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว
5.บุคคลเผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุและภิกษุณีจำนวนเท่านี้ ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้าแล้วให้ทาน (ให้ทานโดยให้คณะสงฆ์เป็นผู้เลือกพระภิกษุและพระภิกษุณีที่จะรับถวายทานเอง)
6.บุคคลเผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุจำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แล้วให้ทาน
7.บุคคลเผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุณีจำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แล้วให้ทาน
พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า “แม้ในอนาคตกาล การถวายสังฆทานแม้แก่พระสงฆ์ผู้ทุศีล ก็ยังนับว่ามีผลนับประมาณมิได้ และปาฏิปุคลิกทานทั้งปวงในบุคคลใด ๆ มีพระพุทธเจ้าเป็นอาทิ ก็ไม่สามารถมีผลสู้สังฆทาน 1 ใน 7 ประการดังกล่าวได้เลย”
จากพระพุทธดำรัสดังกล่าวนี้ จึงทำให้พุทธศาสนิกชนนิยมทำบุญด้วยการถวายสังฆทาน เพราะเป็นการถวายทานที่มีอานิสงส์มาก อนึ่ง การที่สังฆทานมีอานิสงส์มากกว่าปาฏิปุคลิกทานธรรมดาเพราะการที่จัดถวายทานแก่ส่วนรวมนั้น (คณะสงฆ์) ย่อมเกิดประโยชน์ต่อพระศาสนามากกว่า เพราะการถวายสังฆทานเป็นการกระจายปัจจัยวัตถุสิ่งของเครื่องอุปโภคเครื่องบริโภคอันจะพึงได้แก่คณะสงฆ์ทั้งปวงโดยไม่จำกัดหรือเลือกปฏิบัติจำเพาะเจาะจงแก่รูปใดรูปหนึ่ง
ดังนั้นการที่พระบรมศาสดาตรัสยกย่องสังฆทานจึงนับได้ว่าเป็นการแสดงออกถึงการไม่เลือกการปฏิบัติทางด้านบุคคล ที่พระพุทธองค์ตรัสไว้เพื่อเป็นประโยชน์ผาสุกโดยเท่าเทียมกันทางด้านปัจจัย 4 แก่พระภิกษุสงฆ์ทั้งปวงผู้เป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาในการต่อไป
ที่มา สังฆทาน
บทความแนะนำอ่านประกอบ
ทานพิธี : หลักการเกี่ยวกับการถวายทานแด่พระสงฆ์
ถังสีเหลือง ๆ นี้ไม่ใช่สังฆทาน แล้วสังฆทานคืออะไร
คำถวายปาฏิปุคคลิกทาน คือถวายแบบเจาะจงบุคคล ไม่ใช่ถวายสังฆทาน
เกิดขึ้นมาแล้ว ปรากฏการณ์ถังสีเหลือง … ล้นวัด