ปลัดขิก หนังวัวแดง หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ดอกนี้เป็นของเพื่อนที่คุ้นเคยกันนำมาให้ดู ตอนแรกก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่ามีปลัดขิกที่ทำจากหนังวัวแดงจริง ๆ แต่พอได้ค้นข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้วปรากฏว่ามีจริง ๆ ด้วย
ปลัดขิก หนังวัวแดง หนึ่งในตำนานปลัดขิดที่หาพบเจอได้ยาก อีกทั้งยากที่จะมีผู้สร้างขึ้นมา ว่ากันว่าชาวบ้านแถววัดหนองจอก และชาวบ้านดอนยายหนู ต่างก็หาปลัดขิกหนังวัวแดงกัน เพราะได้ทราบในความศักดิ์สิทธิ์ของปลัดขิกพอสมควร การทำปลัดขิกด้วยหนังวัวแดงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย อันดับแรกต้องมีหนังวัวแดง นำมาบิดเป็นเกลียวจนเป็นเส้นหนาพอประมาณตามที่ต้องการ ตอนที่บิดผมเชื่อว่าผู้สร้างคงจะได้ภาวนาคาถากำกับไปด้วย แล้วจึงนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นจึงนำมาแกะเป็นรูปปลัดขิก แล้วจึงนำไปให้หลวงพ่อยิดปลุกเสกให้ ในส่วนของรอยจารผมไม่ทราบว่าหลวงพ่อยิดท่านจารเองหรือว่าศิษย์จารให้ แต่ก็เป็นไปได้ที่ท่านจะจารเองเพราะจำนวนการสร้างคงไม่มากนัก
วัวแดง คือวัวป่าชนิดหนึ่ง ซึ่งก็มีรูปร่างคล้ายวัวบ้านทั่ว ๆ ไป แต่ก็มีลักษณะสำคัญที่ต่างไปจากวัวบ้านและกระทิงทั่วไป คือ เป็นวัวที่มีวงก้นขาวทั้งในตัวผู้และตัวเมีย มีเส้นขาวรอบจมูก ขาทั้ง 4 ข้างมีสีขาวตั้งแต่หัวเข่าจนถึงกีบเท้า ระหว่างโคนขาของตัวผู้ไม่มีขน แต่มีลักษณะเป็นหนังตกกระแข็ง ๆ เรียกว่า กระบังหน้า วัวแดงชอบอยู่ตามป่าโปร่งหรือป่าทุ่ง กินดินโป่งไม่ชอบนอนแช่ปลัก ไม่สุงสิงกับใคร ปกติวัวแดงจะไม่ดุร้ายเหมือนกระทิง หากินเป็นฝูงโดยมีตัวเมียเป็นจ่าฝูง
วัวแดงชอบกินดินโป่ง และดินโป่งนี้เราก็เชื่อว่าเป็นดินที่มีดีในตัว เป็นสถานที่เฮี้ยนมักมีวิญญาณหรือเทพสถิตย์อยู่ การที่จะนำดินโป่งมาให้ได้ความศักดิ์สิทธิ์นั้นต้องทำโดยผู้รู้พิธีการ ดินจึงมีพลังของเทวดาหรือผู้รักษาติดมาอยู่ด้วย
โป่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอาถรรพ์ เป็นจุดที่พรานป่าหรือสัตว์นักล่า เสือ หรือ หมาในมารอดักจับสัตว์ประเภท เก้ง กวาง เป็นอาหาร เชื่อกันว่าโป่งที่แรงมีเทพที่รักษาอยู่จะไม่มีอะไรมาเบียดเบียนหรือทำร้ายสัตว์ที่ลงกินดินโป่งได้ เพราะเทพจะคุ้มครองสถานที่แห่งนั้น
วัวแดง ที่ได้ไปกินดินโป่งอาถรรพ์จะทำให้ฤทธิ์บางอย่างในตัว เมื่อนำทำเป็นเครื่องรางเชื่อว่าสามรถป้องกันคุณไสย์ อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดปลอดภัย เกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมจึงมักนำหนังวัวแดงมามาทำเป็นเครื่องรางของขลัง ให้ศิษย์ใช้พกติดตัวเพื่อกันลมเพลมพัด ของคุณไสย์ต่าง ๆ