มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า เครื่องราง ประเภทที่ต้องเลี้ยงอาหารการกิน โดยเฉพาะของสดของคาว เหล้ายา ไม่ว่าจะเป็นกุมารทอง ลูกกรอก พราย หรือจะเรียกเทพ พ่อปู่ พ่อแก่ก็ตาม ถ้าต้องเลี้ยงด้วยอาหารการกินแล้ว อย่านำมาเลี้ยงเลย เพราะของเหล่านี้ให้ทั้งคุณและโทษ ถ้าเขาพอใจเขาก็ให้คุณ ถ้าเขาไม่พอใจเขาก็ให้โทษ พวกนี้มีความโลภ โกรธ หลง อยู่เป็นทุนอยู่แล้ว วันไหนเราเลี้ยงดี เขาก็พอใจ อาจจะให้คุณแก่เรา ช่วยงานเรา แต่วันไหน เราไม่เลี้ยง เราลืมเลี้ยงเขาก็จะให้โทษหรืองอแงกับเรา เล่นงานเราโดยตรงไม่ได้ ก็เล่นทางอ้อม เล่นงานเราไม่ได้ ก็เล่นงานญาติหรือคนที่รักของเรา
ท่านพระอาจารย์ท่านยกตัวอย่างว่า เหมือนเราเลี้ยงสุนัข หากเราให้ม้นกินดี ม้นก็ดีกับเรา วันไหนเราหยุดเลี้ยงหยุดให้อาหารมัน แต่เนื่องจากมันเคยได้กินกับเรา ม้นก็จะตามเรา รบกวนเรา รบกวนบ้านเราหรือคนในบ้านเรา เดินไปมา เห่าตรงนั้น กัดตรงนี้บ้าง
พราย กุมาร ผี ก็เหมือนกัน หากเขาเคยได้กิน แล้ววันหนึ่งเราหยุด มันก็ตามทวงเรา บางคนอ้างว่ากุมารเทพ อาจารย์ผู้สร้างเสกให้เป็นเทพแล้ว ตามความคิดของผมนะครับ 1. ไม่มีใครเสกให้ใครเป็นเทพได้หรอกครับ ถ้างั้นก็ไม่ต้องมาทำบุญ ให้ทาน รักษาศีลกันแล้ว ตายไปแล้วก็ให้อาจารย์ที่ว่านั่นเสกให้เป็นเทพเลย พระพุทธเจ้าเองก็เป็นได้แต่ครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ไม่ปรากฎว่าพระองค์เสกใครให้เป็นเทพ นอกจากผู้ฟังธรรมแล้วยกจิตใจตนให้เป็นเทพเอง 2. หากอาจารย์ที่สร้างกุมารนั้นสอนหรือเสกให้เป็นเทพได้จริง เทพไม่มากินอาหารแบบนี้ครับ ไม่มากินของสดของคาว คือเทพมีสภาวะที่เป็นทิพย์ก็ย่อมกินอาหารที่มีสภาวะเหมือนกัน (ผีผมก็สงสัยอยู่ว่าเขาจะมากินไหม และเขาเสพกลิ่นตามกรรมหรือความเคยชินในสมัยที่เป็นมนุษย์)