ชื่อเล่นเป็นชื่อที่เรียกแทนตัวบุคคลๆ หนึ่งและสามารถเรียกแทนการเรียกชื่อเต็มได้เป็นอย่างสะดวกกว่า สำหรับการตั้งชื่อเล่นในคนไทยสมัยก่อน เรามักจะเห็นคนมักตั้งชื่อเล่นแบบเรียบง่าย เช่น แดง ดำ เปี๊ยกหรือแมว เป็นต้น
ซึ่งชื่อสั้นๆ ง่ายๆ เหล่านี้จริงอยู่ที่เราสามารถตั้งได้ง่าย โดยไม่ต้องมาคิดวิเคราะห์หรือพิจารณาว่าต้องน่ารักเหมือนเช่นปัจจุบัน แต่สำหรับผู้คนยุคนี้แล้ว เมื่อเริ่มตั้งครรภ์เจ้าตัวน้อยว่าที่คุณพ่อคุณแม่พอเริ่มรู้เพศลูกแล้วก็เริ่มพากันมองหาชื่อเล่นไว้ตั้งกันหลายชื่อ สร้างความตื่นเต้นได้อย่างไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม การตั้งชื่อเล่นลูกเราจะต้องตั้งให้ออกมาน่ารักและเหมาะสมด้วยกันอยู่แล้ว และวันนี้เราก็มีหลักการตั้งชื่อเล่นลูกน้อยให้น่ารักและเหมาะสมมาฝาก คุณแม่ต้องคำนึงถึงหลักการใดบ้างจึงจะเหมาะสม เรามาดูไปพร้อมกันเลยค่ะ
1.ตั้งชื่อให้เข้ากับเพศ
หลักการตั้งชื่อลูกน้อยไม่ว่าจะชื่อจริงหรือชื่อเล่นก็ตาม คุณแม่ควรตั้งชื่อเล่นลูกน้อยให้เข้ากับเพศไว้ก่อนจะดีที่สุดค่ะ หากลูกเป็นเพศหญิงก็ควรตั้งชื่อที่เรียกแล้วสะท้อนความเป็นหญิง น่ารัก อ่อนหวาน เวลาเรียกชื่อไป คนฟังจะได้รู้ว่าลูกของคุณเป็นเด็กผู้หญิง ในขณะที่เด็กผู้ชายควรตั้งชื่อเล่นที่ไม่ใช่แนวหวานแหววแบบเด็กผู้หญิง แต่ควรตั้งชื่อที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกมาดแมน ทะมัดทะแมง คล่องแคล่วหรือองอาจ เป็นต้น เพื่อให้คนอื่นๆ ที่ได้ยินรู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้เป็นผู้ชาย และเพื่อที่ลูกจะได้มั่นใจและแสดงออกด้านความรู้สึกตนเองให้ตรงกับเพศได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย
2.ไม่ควรตั้งตามรูปลักษณ์
ไม่แนะนำให้ตั้งชื่อลูกน้อยตามรูปร่างลักษณะที่เขาเป็นค่ะ เช่น หากลูกน้อยคลอดออกมาตัวอ้วน น่ารักสมบูรณ์ก็ไม่ควรตั้งชื่อว่า “อ้วน” “หมู” หรือ “ช้าง” เป็นต้น เช่นเดียวกัน หากลูกน้อยมีลักษณะผอม แห้ง สีผิวดำหรือแดงอย่างไรก็ไม่ควรตั้งชื่อเล่นเพื่อเรียกตามลักษณะแรกเกิดที่เขาเป็น เพราะอนาคตที่เขาโต ลักษณะรูปลักษณ์ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกลไกเติบโตแบบธรรมชาติ ควรตั้งชื่อที่ฟังแล้วสัมผัสได้ถึงไอเดีย จินตนาการอันสร้างสรรค์ ซึ่งอาจจะเป็นชื่อน่ารักๆ ฟังแล้วเสนาะไพเราะหู ไม่เช่นนั้นแล้ว การตั้งชื่อจากที่มาของรูปร่าง เมื่อเขาโตขึ้น เขาอาจจะถูกเพื่อนๆ ตำหนิล้อชื่อเล่นจนกลายเป็นปมด้อยในจิตใจลูกแทนก็เป็นได้
3.ผสมผสานระหว่างชื่อของพ่อและแม่
การตั้งชื่อเล่นให้ลูกโดยผสมผสานระหว่างชื่อจริงหรือชื่อเล่นของพ่อแม่มาตั้งนั้น เป็นอีกหนึ่งไอเดียการตั้งชื่อให้ลูกได้อย่างน่ารักและสร้างสรรค์อย่างมากเลยค่ะ แต่หากคุณพ่อคุณแม่บางท่านลองนำมาผสมผสานชื่อกันแล้วไม่เหมาะสมลงตัว หรือคำไม่พ้องต้องกัน หรืออาจจะให้ความหมายแปร่งๆ ออกไป แลดูไม่เหมาะสมก็ข้ามการตั้งชื่อในหลักการนี้ไปก็ได้ค่ะ แต่อาจจะตั้งตามไอดอลที่คุณพ่อคุณแม่ชื่นชอบแทนก็ได้ หรือตั้งชื่อตามไอดอลหรือบุคคลสำคัญที่คุณชื่นชอบก็ได้เช่นกัน การตั้งชื่อแบบนี้จะทำให้ลูกน้อยมีชื่อเล่นที่แปลกออกไป ไม่ซ้ำกันกับชื่อเพื่อนๆ คนอื่นแน่นอนค่ะ
4.หลีกเลี่ยงการตั้งชื่อฮิตๆ ซ้ำซาก
ปัจจุบัน หลายคนนิยมหันมาตั้งชื่อลูกแบบซ้ำกันมาก โดยเฉพาะชื่อสุดฮิตน่ารักๆ อย่างชื่อตามแนวตะวันตก ชื่อออกฝรั่งๆ แบบนั้น เมื่อนำมาตั้งก็ย่อมทำให้คิดว่าลูกคุณเป็นเด็กลูกครึ่งไปเลย ในขณะที่พ่อแม่ก็เป็นคนไทย ดังนั้น ชื่อน่ารักๆ ที่ตั้งตามชื่อสากลอื่นๆ ที่ดังๆ หากตั้งแล้วไม่เหมาะสมกับลูกหรือไม่ได้มีที่มาในการตั้ง หลีกเลี่ยงไปก็ดีค่ะ หันมาตั้งชื่อตามสไตล์ไทยๆ เช่น น้องข้าวหอม น้องปุยฝ้าย น้องข้าวฟ่างหรือจะตั้งชื่อพยางค์สั้นๆ เรียกง่ายๆ อย่างเนย โบว์ มินท์ ฟ้า ฯลฯ แบบนี้ก็น่ารักและเหมาะสมกับลูกเช่นกันค่ะ
5.ตั้งชื่อที่มีความหมายให้ความเป็นสิริมงคล
นอกจากการตั้งชื่อลูกตามเพศแล้ว อีกหนึ่งหลักการตั้งชื่อที่เรียกว่าสำคัญอย่างมาก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้ามจุดนี้อย่างยิ่งก็คือ การตั้งชื่อเล่นที่มีความหมายเป็นสิริมงคล การตั้งชื่อให้เกิดความหมายที่เป็นมงคลนั้นใช่ว่าจะต้องเป็นชื่อจริงเสมอไปเมื่อไร เพราะแม้แต่ชื่อเล่นสั้นๆ ที่เราใช้เรียกแทนตัวบุคคลนั้นก็ย่อมมีความหมายสะท้อนกลับไปยังเจ้าตัวเช่นกัน ดังนั้น ตั้งชื่อเล่นที่ไม่สะท้อนความหมายอัปมงคล แต่มีความหมายดีๆ แทนย่อมทำให้มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตลูกน้อยตามมาแน่นอนค่ะ
6.คำนึงถึงความเหมาะสม
ความเหมาะสมในที่นี้ก็คือ การตั้งชื่อให้เข้ากับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชาติกำเนิดของพ่อแม่หรือสัญชาติของเด็ก อย่างที่กล่าวไปในเบื้องต้นแล้วว่าหากคุณพ่อคุณแม่เป็นคนไทย สัญชาติไทย ไม่ได้มีเชื้อสายต่างประเทศก็ควรตั้งชื่อลูกโดยเน้นความเป็นไทยจะดีกว่า สังเกตดูว่าผู้คนยุคใหม่มักจะตั้งชื่อลูกตามแบบฉบับชื่อเด็กฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลีหรือชื่อฮิตๆ ตามตัวละครในนิยาย หรือละครทีวีซึ่งพระ – นาง ชื่อไพเราะหรือแปลกๆ หากนำมาตั้งแล้วดูไม่ได้เข้ากันหรือเหมาะสมกันเลยก็ควรหลีกเลี่ยงชื่อเริศๆ เหล่านั้นดีกว่า ไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้คนอื่นวิพากษณ์วิจารณ์ชื่อเล่นลูกน้อยจนกลายเป็นเรื่องตลกขบขันหรือกลายเป็นเรื่องสนุกปากในวงนินทาแทนได้นั่นเอง
7.ชื่อจะต้องจำง่าย เรียกง่าย ไม่ซับซ้อน
การตั้งชื่อลูก อีกหลักการหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ ชื่อเล่นของเขาจะต้องจำง่าย เรียกง่าย ไม่ซับซ้อน สมัยก่อนนิยมตั้งชื่อลูกพยางค์เดียวสั้นๆ ได้ใจความ ให้ความหมายน่ารักในตัว เหมาะสมกับวัยและเพศ แต่ปัจจุบันมักจะนิยมตั้งชื่อลูกด้วยกัน 2 พยางค์ หากอย่างไรก็ตาม เมื่อชื่อนั้นๆ ตั้งโดยให้ความหมายอันเป็นมงคล น่ารักสมวัยเหมาะกับเด็กก็นับว่าโอเคแล้วค่ะ แต่หากชื่อไหนที่ตั้งแล้วจำยาก เรียกลำบาก ไม่ลื่นไหล คุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการตั้งชื่อแบบนี้จะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่การตั้งชื่อสไตล์ไทยๆ สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นคนไทยนั้นก็นับว่าเหมาะสมมากทีเดียว เราไม่จำเป็นต้องตั้งชื่อลูกตามกระแสเสมอไปก็ได้ เพราะสมัยนี้ถือว่าตั้งกันเกลื่อนเมืองจนเก่อไปหมดแล้ว
ดังนั้น ก่อนตั้งชื่อลูกอย่าลืมนำหลักการตั้งชื่อเล่นให้ลูกอย่างเหมาะสมไปใช้กันนะคะ รับรองลูกน้อยจะต้องมีชื่อเล่นน่ารักๆ ที่เหมาะสมกับเขามากที่สุดเลยล่ะ