
หินมหัศจรรย์
ผมอาจจะตั้งหัวข้อเวอร์ไปหน่อย แต่ผมไม่ได้ไปปืนผาหาหินตามถ้ำจริง ๆ ครับ สำหรับเรื่องนี้ต้องเล่านิทานประกอบ และก่อนที่จะเล่านิทานต้องขออธิบายคำว่านิทานก่อน คำว่า นิทาน หมายถึงต้นเหตุ ต้นเรื่อง มูลเหตุ มูลเรื่อง หรือที่มาที่ไป ไม่ใช่นิยายที่เป็นเรื่องแต่ง ไม่ใช่ตำนานที่สืบสาวไม่ได้ว่าจริงหรือไม่หรือตำนานนี่ไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่เพียงแต่เล่าสืบ ๆ กันมา
มากล่าวถึงมูลเหตุหรือนิทานที่มาของหินก้อนนี้นะครับ เมื่อประมาณสิบกว่าปีเห็นจะได้มีพระรูปหนึ่งท่านเดินทางมาจากจังหวัดนระยองแวะมาพักกับผม ผมก็ให้การต้อนรับสนทนาปราศัยกับท่านเป็นอย่างดี ถวายภัตตาหาร ถวายที่จำวัดปรานิบัติรับใช้ตามสมควร ท่านพักด้วยประมาณคืนหรือสองคืนผมจำไม่ถนัด ก่อนกลับท่านให้หินผมไว้สองก่อน หินก้อนแรกก็คือหินตามภาพนี้ มีขนาดใหญ่แบบตั้งโต๊ะ เป็นตะปุ่มตะปั่มเงางาม ด้านล่างท่านทำฐานด้วยพลาสติกหรือเรซิ่นหรืออาจจะเป็นเขาควายก็ได้ ส่วนหินอีกก้อนเป็นหินชนิดเดียวกันกับก้อนแรก แต่เป็นหินที่มีขนาดเล็กสามารถเลี่ยมห้อยคอหรือผูกไว้ที่เอวได้ ประมาณว่าสามารถพกติดตัวไปไหนได้
ท่านบอกที่มาของหินเหมือนกัน แต่ผมจำไม่ได้ อาจจะเป็นหินจากเกาะล้านก็ได้ (เพราะท่านว่าทุกวันนี้เขาไม่ให้เข้าไปเอาหินออกมาแล้ว) ท่านว่าหินนี้จะช่วยปรับธานในร่างกายให้สมดุล ดูดพิษภัยออกจากร่างกาย ที่ไหนแรง ๆ มีภูตผีปีศาจ หากเรานำหินนี้เข้าไปแล้ว ผีจะหนีหายไปหมด หินนี้จะส่งเสริมจิตใจคน หากผู้นั้นเป็นคนใจเย็น หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ หินก็จะส่งเสริมให้เป็นคนใจเย็นยิ่งขึ้น มีเมตตา มีจิตใจอ่อนโยนมากขึ้น หากอยู่กับคนที่มีใจร้อน กล้าได้กล้าเสีย หินนี้ก็จะส่งเสริมให้เป็นคนกล้าแข็งยิ่งขึ้น มีความกล้าหาญเหนือคนอื่น หากอยู่กับพ่อค้าแม่ขาย ก็จะส่งเสริมการทำมากิน เรียกลูกค้า เงินทองเข้ามาไม่ขาดสาย หากอยู่กับนักปกครอง หินนี้ก็จะส่งเสริมด้านมหาอำนาจบารมี ผู้คนเกรงขาม หากอยู่กับนักฝึกจิตหรือฝึกสมาธิ หินนี้ก็จะช่วยสิ่งเสริมให้จิตได้พบความสงบยิ่งขึ้น หากหินนี้อยู่กับนักไสยศาสตร์เวทมนต์คาถา หินนี้ก็จะช่วยพิธีกรรมแห่งมนต์คาถานั้นมีพลังที่ขลังยิ่งขึ้น