เหตุที่ผมต้องเขียนเรื่อง “พญากบกินเดือน กินตะวัน” นี้ก็เนื่องด้วยมีคนจีนถามเข้าหา ตามสูตรที่เคยกล่าวมา คนจีนชอบเครื่องรางที่สวยงามและแปลกตา แต่หากด้านพุทธคุณแล้วคนจีนจะชอบแนวความรักและโชคลาภทำมาหากินเป็นหลัก
สำหรับประวัติของครูบาออ สำนักสงฆ์พระธาตุ ดอยจอมแวะ อ.เชียง ดาว จ.เชียงใหม่ ผมจะไม่กล่าวถึงละเอียดมากนัก เดี๋ยวคนขี้เกียจอ่าน คนชอบอ่านอะไรที่ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ อ่านแล้วเคลิ้มเลย แต่ก็ขอสรุปสั้น ๆ ตามได้อ่านมา
ตำนานกบกินเดือนหรือจันทรุปราคามีอยู่ในทุกชาติทุกชนพื้นเมือง แม้ในประเทศที่เจริญแล้ว ก่อนที่เขาจะมาเป็นประเทศที่เจริญด้านวิทยาการต่าง ๆ เขาก็มีตำนานจันทรุปราคาเช่นกัน แต่ว่ามีตำนานที่แตกต่างกันไปตามแต่จินตนาการของผู้เล่าหรือความเชื่อที่มีมาแต่ทุนเดิมของชนพื้นเมืองนั้น ๆ อย่างตำนานจันทรุปราคาหรือกบกินเดือนที่ผมจะนำมาเล่าต่อไปนี้ เป็นตำนานชาวล้านนา แน่นอนว่าก็ต้องผูกพันกับความเชื่อและวิถีชีวิตประเพณีของพวกเขา คือมีกษัตริย์ มีจารีตประเพณี มีความเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ทำอย่างไรก็ได้รับผลอย่างนั้น มีความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด เป็นต้น
มีเรื่องเล่านานเท่าไหร่แล้วไม่มีการบันทึกไว้ กล่าวแต่ว่าเป็นสมัยพระเจ้าเหา มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งได้ปลูกบ้านอยู่นอกเมือง ในครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน ได้แก่ พ่อ แม่ ลูกสาวสองคน ซึ่งผู้เป็นพ่อและแม่ก็ได้ทำการอบรมสั่งสอนลูกสาวทั้งสองของตนเกี่ยวกับขนบทำเนียมประเพณีต่าง เกี่ยวกิริยามารยาท เกี่ยวกับการทำครัวทำอาหาร เป็นต้น เรียกง่าย ๆ ตามภาษาอีสานบ้านผมก็คือ เรือนสามน้ำสี่ฮีตสิบสอง คองสิบสี่ นั่นเอง (แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ไหนไม่รู้ครับ แต่พระเจ้าเหานี่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล่าทางล้านนาหรือทางเหนือครับ)
ต่อมาพ่อแม่ต้องการทดสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ามีความใส่ใจอย่างไรบ้าง จึงบอกให้ลูกสาวทั้งสองคนนั้นไปทำอาหารมา สาวทั้งสองคนก็เข้าไปในห้องครัวแล้วจึงช่วยกันทำอาหารจนเสร็จ แต่ก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะนำมาอาหารให้ผู้เป็นพ่อและแม่ก็ได้ชิมดูก่อน ปรากฏว่ารสชาติของอาหารไม่ลงคอกัน หมายความว่าคนหนึ่งว่าใช้ได้ส่วนอีกคนว่าใช้ไม่ได้ไม่อร่อย ทั้งสองสาวจึงเกิดการโต้เถียงกันไปมา จนในที่สุดคนพี่จึงใช้ทัพพีฟาดหน้าผู้เป็นน้องสาว ส่วนน้องสาวเมื่อถูกพี่ตีด้วยทัพพีก็คว้าเอาสากฟาดหน้าพี่สาวบ้าง ตบตีกันไปมาจนตายคาครัวทั้งสองคน
เมื่อทั้งสองคนได้ตายไปแล้ว ยมบาลจึงได้พิพากษาและตัดสินว่า “ทั้งสองนี้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าต่อวงศ์ตระกูลและความเป็นลูกผู้หญิง สมควรที่จะได้อยู่นรกทั้ง ๗ ขุม” เมื่อพ้นจากนรกแล้ว ก็ให้คนพี่ไปเกิดเป็นเดือน ส่วนคนน้องให้ไปเกิดเป็นกบ
แม้ทั้งสองคนนี้ได้ไปเกิดเป็นเดือนและกบแล้วก็ตาม ก็ยังอาฆาตพยาบาทกันอยู่อีก หากได้มีโอกาสพบกันเข้าในเวลาใด ความอาฆาตแค้นก็แน่นขึ้นจนเอาไม่อยู่ คนน้องที่เกิดเป็นกบก็อ้าปากคาบคนพี่ที่เกิดเป็นเดือนไว้ จนเป็นตำนานเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้
อันที่จริง เรื่องตำนานกบกินเดือนนี้ ดูเหมือนว่าไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างพญากบกินเดือน กินตะวัน ของครูบาออเลยนะครับ
ผมขออนุญาตใช้คำว่า พุทธคุณ กบกินเดือน กินตะวัน เพราะคำนี้คนนิยมค้นหา เอาใจลูกค้าที่ใช้ Google หน่อยครับ เดี๋ยวจะมีคนไปพูดบนเวทีโลกว่าคนไทยไม่ใช้ Google มีคนบอกว่าครูบาออ เสกพญากบกินเดือน กินตะวัน ให้เป็นกบเทวดา ว่าเกินจริงหรือเปล่า แต่ก็เข้าเค้าคนน้องที่เกิดเป็นกบก็คงจะไม่ใช่กบธรรมดาที่งับเดือนได้ แต่ไฉนเทวดาเต็มไปด้วยความโกรธอาฆาตพยาบาท แต่ก็ไม่แปลก เทวดาก็ยังมีโลภ โกรธ หลงอยู่ มาดูที่คุณของพญากบกินเดือน กินตะวัน ดีกว่า ว่ากันว่า