ก่อนอื่นผมต้องแจ้งให้ทราบเบื้องต้นก่อนว่า บทความนี้ไม่ได้ส่งเสริมให้ท่านซื้อขายงา หรือสะสมงา หางามาครอบครอง แต่เป็นบทความเสริมความรู้ หรือเป็นเกร็ดความรู้เกี่ยวกับวาสะเด็น งากำจัด งากำจายเท่านั้น ซี่งเป็นความเชื่อมาแต่โบราณกาลเกี่ยวกับงาช้างว่าเป็นสิ่งมงคล โดยเฉพาะงากำจัด งากำจาย งาสะเด็น

งากำจัด
งาที่เกิดจากงาช้างพลาย (ช้างตัวผู้) ที่แตกหักแตกขาดหลุดออกมาในขณะที่ช้างเชือกนั้นยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก ไม่ได้พบบ่อยนัก ท่านว่าเกิดช้างตกมัน ไล่อาละวาดไปทั่ว แล้วเอามันงาแทงเข้ากับต้นไม้ด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดฉุนเฉียวขณะช้างตกมัน แล้วงาก็จะหักติดอยู่กับต้นไม้ บ้างก็ว่าเทวดาที่อาศัยอยู่ต้นไม้ได้ทำการหักปลายงาของช้างเป็นการหยุดอารมณ์ของช้างไว้ให้สงบนิ่ง จึงมีความเชื่อว่างาชนิดนั้นได้สัมผัสกับพลังของเทพเทวดา จึงมีฤทธิ์อำนาจ เป็นของทนสิทธิ์ เป็นเมตตามหานิยมยิ่งนัก เพราะแม้แต่ช้างที่ฉุนเฉียวก็ยังสงบนิ่งได้ด้วยพลังแห่งเทวดาที่ได้สัมผัสงาช้าง งาที่แตกออกมาไม่ได้ชิ้นใหญ่มากนัก ส่วนมากแค่ปลายหรือฉีกขาดบิ่นเล็กน้อย
งากำจาย
คืองาของช้างพลาย (ช้างตัวผู้) ที่ต่อสู้กันเพื่อชิงความเป็นพญาช้าง (จ่าโขลง) หรืออาจจะเพราะแย่งตัวเมียกัน แล้วเกิดการต่อสู้กัน จนอาจมีปลายงาแตกหักหลุดออกมาแตกกระจาย ตกหล่นอยู่กับพื้นดินตามป่าที่ช้างตู้สู้กัน คนที่เดินป่ามีพรานเป็นต้นเห็นเข้าโดยความบังเอิญก็จะเก็บไว้ หรือเจอในขณะช้างต่อสู้กันก็จะแอบดูว่าช้างเชือกไหนงาหักแตกหลุดออกมาก็จะเก็บไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกครั้งที่ช้างต่อสู้กันงาจะต้องหักทุกครั้งนะครับ
งาสะเด็น หรืองากระเด็น
โดยความคิดส่วนตัวของผมแล้ว งากำจัด งากำจาย ทั้งสองประเภทนี้ คืองาสะเด็น หรือภาษาภาคกลางเรียกว่างากระเด็น เพราะงาทั้งสองประเภทหลุดกระเด็นออกมาในขณะที่ช้างยังมีชีวิตอยู่เหมือนกัน ถ้างากระเด็นออกมาเพราะช้างตกมันแล้วใช้งาไปงัดกับต้นไม้ เรียกว่า กำจัด ถ้างาหลุดกระเด็นเพราะการต่อสู้กัน เรียกว่างากำจาย แต่บางท่าน เรียกงาสะเด็นหรืองากระเด็นเฉพาะงาที่หลุดออกมาจากการต่อสู้กัน
ความแตกต่างของงากำจัด,งากำจาย กับ งาช้างทั่วไปหรือที่เรียกว่างาตาย
งากำจัด ,งากำจาย งาทั้งสองประภทนี้เราจะเรียกว่า งาเป็น เพราะเป็นงาที่แตกหักหลุดออกมาในขณะที่ช้างยังมีชีวิตอยู่ เมื่อผ่านการสัมผัสหรือการพกพาติดตัวโดนเหงื่อไคลแล้ว สีของงาจะฉ่ำใสมีน้ำมีนวลเหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงไว้ ออกสีคล้ายกับสีของน้ำผึ้ง ซึ่งสีจะเข้มหรือแก่แตกต่างกันไป บางคนก็บอกว่ามีพลังรัศมีแห่งรุกขเทวดาอาศัยอยู่จึงทำให้งามีน้ำมีนวลสีสวยงาม
ส่วนงาทั่วไปหรือที่เรียกว่างาตาย คืองาที่ได้จากช้างที่ล้มแล้วเจ้าของจึงเลื่อยออกมา ซึ่งหาเจอได้ง่าย ซึ่งสีของงาจะขาวซีด ดูแล้วไร้ชีวิตชีวา ไม่มีน้ำไม่มีนวล มองดูเหมือนไม่มีพลังงาน แม้แต่งาแก่ที่ผ่านการใช้มาแล้ว โดนกาสัมผัสเหงื่อไคลจากผู้พกพาติดตัวแล้วก็ตาม ความเหลืองฉ่ำถึงแม้เกิดขึ้นมาบ้าง แต่ก็จะไม่เป็นสีน้ำผึ้ง ไม่สวยงาม

สรรพคุณของ งากำจัด งากำจาย
บางคนเรียกว่า พุทธคุณ งากำจัด พุทธคุณ งากำจาย ด้วยความเชื่อที่ว่า งากำจัดนั้น ได้พลังอำนาจรัศมีแห่งรุกขเทวดาที่ได้สัมผัสงาจนหัก และสามารถหยุดอารมณ์ร้อนฉุนเฉียวลงได้ กลายเป็นช้างที่สงบนิ่งเย็นลงได้ โบราณจึงเชื่อว่างากำจัดเป็นสุดยอดแห่งเมตตา แม้ไม่ได้ทำการปลุกเสกก็ขลังอยู่ในตัว ถือกันว่าเป็นของทนสิทธิ์ที่หาได้ยากยิ่งอย่างหนึ่ง
ส่วนงากำจาย ผมเชื่อว่าเด่นทางด้านมหาอำนาจ คนเกรงขาม เหมาะกับผู้ที่ปกครองคน แลผมเองมองว่างากำจายนี้อนุโลมตามงากำจัด ฉะนั้น จึงถือว่าเป็นของทนสิทธิ์เหมือนกัน มีพลังอำนาจเหมือนกัน โดยความเป็นจริงถ้าเราไม่รู้ที่มายากที่จะแยกออกว่างาไหนเป็นงากำจัดชิ้นไหนเป็นงากำจาย งาทั้งสองชนิดนี้ ถ้าได้ทำการปลุกเสกเชื่อว่ามีอิทธิคุณเป็นทวีคูณมีพลังอำนาจเพิ่มยิ่งขึ้นอีก
ทั้งหมดที่ผมได้นำมาอ่านนี้ เป็นความเชื่อมาแต่โบราณ โดยเฉพาะทางภาคอีสานจะเชื่อเป็นอย่างมากว่างาสะเด็น จะเป็นงากำจัด งากำจายก็ตาม เป็นของวิเศษที่ธรรมชาติให้มา เป็นของค้ำของคูณ เพิ่มเป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง
แนะนำบทความน่าอ่าน
– เล็บเสือตะปบทรัพย์ รับโชคก่อนใคร ได้แล้วเรากิน
สำหรับใครที่นำบทความนี้ไปเผยแพร่ต่อ จริง ๆ ผมไม่อยากให้ copy ไป ถ้าเป็นไปได้ควรอ้างที่มาด้วยครับ ส่วนรูปภาพประกอบต้องขออภัยด้วย ผมยังหาภาพประกอบไม่เจอ ขอบคุณครับ
บทความเราเพียงแต่นำเสนอความรู้ในด้านความเชื่อเท่านั้น ไม่สนับสนุนให้ท่านไปทำร้ายสัตว์แต่อย่างใด