
จากภาพตรงหน้าของเรา คือ “ปลาตะเพียนสาน” เครื่องแขวนที่หลายคนคุ้นตาเป็นอย่างดี ภาพของแม่ปลาตัวใหญ่ที่รายล้อมด้วยลูกปลาตัวน้อย ห้อยระย้าอย่างสวยงาม ไม่เพียงแต่เป็นของประดับตกแต่งหรือของเล่นเด็กที่สวยงามเท่านั้น แต่ในวัฒนธรรมความเชื่อของไทย ปลาตะเพียนสานยังดำรงอยู่ในฐานะเครื่องรางของขลังมงคลที่ผูกพันกับวิถีชีวิตมาอย่างยาวนาน
ที่มาและความเชื่อ: สัญลักษณ์จากธรรมชาติ
ความเชื่อเรื่องปลาตะเพียนนั้นหยั่งรากลึกมาจากลักษณะตามธรรมชาติของปลาตะเพียนเอง ซึ่งเป็นปลาที่พบได้ง่ายในแหล่งน้ำของไทย มีความว่องไว ปราดเปรียว และที่สำคัญคือเป็นปลาที่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วและมีลูกดก สิ่งเหล่านี้จึงถูกนำมาตีความในเชิงสัญลักษณ์มงคล
นอกจากนี้ ชื่อ “ตะเพียน” ยังพ้องเสียงกับคำว่า “เพียร” ซึ่งหมายถึงความขยันหมั่นเพียร ปลาตะเพียนจึงกลายเป็นตัวแทนของความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อในการทำมาหากิน

ความหมายมงคลที่ซ่อนอยู่ในปลาตะเพียนสาน
เครื่องแขวนปลาตะเพียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดที่มีทั้งแม่ปลาและลูกปลาดังในภาพ มอบความหมายอันเป็นมงคลในหลายด้านด้วยกัน
- ด้านความมั่งคั่งและการค้าขาย: นี่คือความเชื่อที่โดดเด่นที่สุด พ่อค้าแม่ค้านิยมแขวนปลาตะเพียนสานไว้ที่หน้าร้านหรือในบ้าน โดยเชื่อว่าจะช่วย “เรียกลูกค้า” นำโชคลาภ ทำให้กิจการเจริญรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย เหมือนดั่งฝูงปลาที่แหวกว่ายเข้ามาเสมอ
- ด้านความอุดมสมบูรณ์และครอบครัว: ด้วยลักษณะที่มีลูกดก ปลาตะเพียนจึงเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความเจริญงอกงาม ในสมัยก่อนนิยมแขวนปลาตะเพียนสานไว้เหนือเปลของเด็กแรกเกิด เพื่อเป็นสิริมงคลให้เด็กเติบโตแข็งแรง มีสุขภาพดี เลี้ยงง่าย และเป็นที่รักของทุกคน เหมือนแม่ปลาที่คอยดูแลลูกปลาตัวน้อยๆ
- ด้านความขยันหมั่นเพียร: ดังที่กล่าวไปข้างต้น ปลาตะเพียนเป็นเครื่องเตือนใจให้มีความขยันหมั่นเพียรในการทำงาน ซึ่งเป็นหนทางสู่ความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าในชีวิต

ภูมิปัญญาจากใบลานสู่เครื่องรางเหนือกาลเวลา
ปลาตะเพียนสานในภาพ คือผลงานจากหัตถกรรมพื้นบ้านอันทรงคุณค่า ที่เกิดจากการนำวัสดุธรรมชาติอย่างใบลานหรือใบมะพร้าว มาสานขึ้นรูปด้วยความประณีตบรรจง การลงสีสันลวดลายที่สวยงามบนตัวปลา ยิ่งทำให้เครื่องแขวนนี้มีชีวิตชีวาและเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์
ในปัจจุบัน แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่ปลาตะเพียนสานก็ยังคงเป็นที่นิยมไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าจะเป็นในฐานะเครื่องรางนำโชค ของตกแต่งบ้านที่สวยงาม หรือของฝากที่แสดงถึงวัฒนธรรมไทย สิ่งนี้ยืนยันได้ว่าปลาตะเพียนสานไม่ได้เป็นเพียงวัตถุมงคล แต่ยังเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่เชื่อมโยงความเชื่อ ศิลปะ และวิถีชีวิตของผู้คนไว้ด้วยกันอย่างงดงาม
คาถาบูชาปลาตะเพียน
ปลาตะเพียนเป็นเครื่องรางที่ให้คุณด้านเมตตามหานิยม ทำมาค้าขายดี และความอุดมสมบูรณ์ การสวดคาถาบูชาจะช่วยเสริมพลังและเป็นสื่อกลางในการอธิษฐานจิต
คาถาบูชาปลาตะเพียน (บทหลัก)
คาถาบทนี้เป็นหัวใจสำคัญที่สุดในการบูชาปลาตะเพียนเพื่อเรียกลาภโดยเฉพาะ
(ขั้นที่ 1) ตั้งนะโม 3 จบ “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” (3 จบ)
(ขั้นที่ 2) สวดคาถาหัวใจปลาตะเพียน “นะโมพุทธายะ มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา พุทโธ พุทโธ”
(สวด 3, 5, 7, หรือ 9 จบ)
บทสวดบูชา (สำหรับสวดทั่วไป)
สำหรับผู้ที่แขวนบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลโดยรวม สามารถใช้บทสวดนี้ได้ครับ
“นะชาลีติ ประสิทธิลาภา มะหาลาโภ ภะวันตุเม”
บทนี้เป็นคาถาหัวใจพระสิวลี ซึ่งเป็นพระอรหันต์แห่งโชคลาภ สามารถใช้สวดเสริมเพื่อเพิ่มพูนโชคลาภและความเมตตาได้เป็นอย่างดี

วิธีการบูชาและข้อแนะนำ
- การเริ่มต้น: เมื่อนำปลาตะเพียนเข้าบ้านหรือร้านค้าเป็นครั้งแรก ควรจุดธูป 5 ดอก บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเพื่อขออนุญาตนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามา จากนั้นจึงสวดคาถาบูชา
- การแขวน: ควรแขวนปลาตะเพียนไว้ในที่สูงพอสมควร เช่น ขื่อของบ้าน, เพดาน, หรือหน้าร้านค้า โดยหันหน้าปลาตะเพียนเข้ามาทางบ้านหรือร้าน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเรียกเงินทองโชคลาภให้เข้ามา
- การบูชาประจำวัน: ไม่จำเป็นต้องจุดธูปทุกวัน แต่ควรสวดคาถาบูชาทุกเช้าก่อนเปิดร้านหรือเริ่มต้นวันใหม่ เพื่อเป็นการกระตุ้นพลังของเครื่องราง
- ความเชื่อ: ขณะสวดให้ตั้งจิตให้นิ่งและมีสมาธิ ระลึกถึงความหมายของปลาตะเพียนคือความขยันหมั่นเพียร (พ้องเสียงกับคำว่า “เพียร”) ความอุดมสมบูรณ์ และโชคลาภ
หัวใจสำคัญที่สุดในการบูชาเครื่องรางทุกชนิดคือ ความศรัทธา และการเป็น ผู้ประพฤติดี การสวดคาถาเป็นเพียงสื่อกลางในการเชื่อมจิตใจของเราเข้ากับพลังศักดิ์สิทธิ์ แต่การกระทำที่ดีและความขยันหมั่นเพียรของผู้บูชาจะเป็นสิ่งที่ทำให้พรและความสำเร็จบังเกิดขึ้นจริงครับ