
แม้ว่าพระพุทธศาสนาจะเป็นศาสนาประเภทอเทวนิยม คือไม่ได้ให้ความสำคัญกับองค์เทพเจ้า ไม่ได้ถือว่าเทพเจ้าเหล่าเทวดาเป็นใหญ่ แต่พระพุทธศาสนายอมรับในความมีอยู่จริงของเทวดา ซึ่งเทวดาเหล่านั้นอาจจะเคยเป็นบิดามารดาหรือญาติมิตรของเรามาก่อน หรืออย่างน้อยท่านอาจจะทรงคุณความดีบางอย่างที่ทำให้เกิดเป็นเทพ ฉะนั้น การเราจะเคารพเทพเหล่านั้นเหมือนญาติผู้ใหญ่ของเราก็ไม่ได้เสียหายอะไร
พระพรหมนิมิต หลวงปู่กล่อม วัดบุปผาราม
วัตถุมงคลอันทรงคุณค่านี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่า จะเรียกว่าพระผงรูปเหมือนหลวงปู่กล่อมหลังพระพรหม หรือพระพรหมหลังรูปเหมือนหลวงปู่กล่อม หากพิจารณาจากรูปแบบขององค์พระแล้ว หลวงปู่กล่อมมีความโดดเด่นมาก แสดงองค์ท่านหน้าตรงแบบครึ่งองค์ ล้อมรอบด้วยเกลียวเชือกอย่างสวยงาม ด้านล่างมีข้อความภาษาไทยว่า “หลวงปู่กล่อม ๒๕๑๗” แต่เมื่อพิจารณาจากข้อความบนกล่องเดิมขององค์พระแล้วเขียนว่า “พระพรหมนิมิต ๒๕๑๗” เป็นอันว่าจะเรียกว่า “พระพรหมนิมิตหลังหลวงปู่กล่อม” หรือ “พระผงรูปเหมือนหลวงปู่กล่อมหลังพระพรหม” ก็ได้ทั้งนั้นครับ
พระธรรมวราลังการ (กล่อม อนุภาสเถร ป.ธ. ๕) ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุปผาราม กรุงเทพมหานคร ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๗๘ – พ.ศ. ๒๕๒๙ ท่านเป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่มีลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมากครับ เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป ท่านเป็นคนนครศรีธรรมราชโดยกำเนิด เป็นสหธรรมิกกับพระเถระที่มีชื่อเสียงมีหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน เป็นต้น
พระธรรมวราลังการเป็นผู้มีอุปนิสสัยเหมือนดังพระโพธิสัตว์ คือเป็นผู้มากด้วยเมตตาบารมีและมีความเสียสละเป็นอย่างสูง ท่านมีจิตใจมุ่งมั่นต่อการบำเพ็ญความดี ท่านมีความเคร่งครัดในการรักษาปฏิบัติพระวินัย จารีตประเพณีของคณะ ขยันในการทำวัตรเช้าเย็น เว้จากการพูดถ้อยคำเพ้อเจ้ออันปราศจากประโยชน์และคำหยาบคายทั้งมวล เป็นผู้ไม่สั่งสมและไม่ติดในปัจจัย ๔ แม้ได้มาก็ใช้ในการบำรุงพระพุทธศาสนา และสงเคราะห์อนุเคราะห์คนทั้งหลาย ทำบุญกุศลในโอกาสต่าง ๆ เป็นต้น
พระธรรมวราลังการ ท่านบำเพ็ญประโยชน์ตนประโยชน์ท่านเรื่อยมาเป็นเวลา ๗๐ ปีเศษ ถึงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่านก็เริ่มอาพาธเพราะความชรามีอาการปอดบวม หัวใจโต เส้นเลือดตีบตัน เป็นต้น แพทย์ได้ถวายการรักษาพยาบาล ที่โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา ลุถึงวันเสาร์ที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ เวลา ๐๔.๑๐ น. ท่านมรณภาพด้วยความสงบ ใบหน้าของท่านช่างเหมือนหน้าของท่านผู้สิ้นกิเลสแล้ว ไม่มีความห่วงอาลัย ไม่ยินดีไม่ยินร้าย ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่เศร้าโศก ไม่ชื่นบาน เป็นหน้าของท่านผู้วางเฉยด้วยอุเบกขา
คาถาบูชาพระพรหม (แบบพุทธ)
เมตตากรุณิกา สัพเพ สัพพะสัตตะหิเตสิโน กะโรนตุ โน มะหาสันติง โสตถิมา โรคยะมายุวัง.
ขอพระพรหมทั้งปวง ผู้มีปกติเมตตา กรุณา แสวงหาความเกื้อกูลให้แก่สัตว์ทั้งปวง
จงประทานความสงบ อันประเสริฐ ความสวัสดี ความไม่มีโรค และความมีอายุ แก่พวกข้าพเจ้าเถิด.
ที่ว่าเป็นคาถาบูชาพระพรหมแบบพุทธ หมายความว่า พรหมในพระพุทธศาสนาไม่ได้มีองค์เดียว เหมือนกับเทวดาไม่ได้มีองค์เดียว เหมือนมนุษย์ซึ่งไม่ได้มีคนเดียว ฉะนั้น พรหม หรือ พระพรหมในที่นี้อาจจะเป็นพรหมองค์ใดองค์หนึ่งที่อยู่ในพรหมโลก
ข้อมูลบางส่วนจาก : www.watbuppha.org