เคล็ดลับแห่งความสุข
อยู่กับปัจจุบันหมายถึงการชื่นชมสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย
เรามีอะไรอยู่ตอนนี้ เราก็พอใจ เห็นคุณค่า
คนจำนวนมากไปทุกข์กับสิ่งที่ตัวเองไม่มี สิ่งที่มีไม่ชื่นชม ไม่เห็นคุณค่า เด็กหลายคนมีของเล่นสารพัด มีทั้งเครื่องดนตรีนานาชนิด กีต้าร์ ขลุ่ย กลอง มีโทรศัพท์มือถือ มีคอมพิวเตอร์ มีโน้ตบุ๊ก แต่ก็ไม่มีความสุข เพราะว่าตัวเองยังไม่มีไอแพด ใจมันไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ไม่มี ลืมหรือมองข้ามสิ่งที่มีไป อันนี้ก็รวมถึงการจดจ่อกับสิ่งที่สูญเสียไปแล้วด้วย ก็เลยทำให้ไม่ชื่นชมในสิ่งที่มีอยู่ ไม่เห็นคุณค่าของมัน
มีผู้หญิงใต้หวันคนหนึ่งอายุ 30 ปี เธอพิการสมอง เดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น พูดไม่ได้ด้วย ต้องใช้วิธีการสื่อสารด้วยวิธีการเขียน ก็ต้องนับถือแม่ของเธอที่ให้เธอถือกำเนิดมา เพราะบางคนเห็นลูกพิการสมอง ก็จัดการ กลัวลูกจะลำบาก แต่ว่าแม่ก็ให้เธอคลอดออกมา และเธอก็สามารถใช้สิ่งที่มีอยู่ จนกระทั่งเรียนจบปริญญาเอก มหาวิทยาลัยที่มีชื่อของอเมริกา UCLA เธอก็ได้รับเชิญไปบรรยายตามที่ต่างๆ ไปให้กำลังใจ
คราวหนึ่งก็ไปพูดให้กับนักเรียนมัธยม พูดจบก็มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งถามว่าคุณเกิดมาพิการ คุณรู้สึกกับตัวเองอย่างไร มองตัวเองอย่างไร ห้องประชุมก็เงียบกริบเลยเพราะว่าเป็นคำถามที่ปกติเขาไม่ถามคนพิการ มันตรงไป แต่ว่าหวังเหมยหลิง ชื่อของผู้หญิงคนนี้ เธอยิ้มแล้วก็หันไปเขียนที่กระดาน เธอพูดไม่ได้ เธอก็เขียนฉันมองตัวเองอย่างไร
1.ฉันเป็นคนน่ารัก
2.ฉันมีขาที่สวยงาม
3.พ่อแม่รักฉัน
4.พระเจ้าก็รักฉัน
5.ฉันมีแมวที่น่ารัก
6.ฉันเขียนหนังสือได้ วาดรูปได้
แต่ที่ประทับใจอยู่ข้อที่ 7 ซึ่งเป็นการรวบรวมทัศนคติมุมมองหรือว่าเคล็ดลับของเธอ ที่ทำให้เธอมีความสุขก็คือ
ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ฉันไม่มองสิ่งที่ฉันไม่มี ฉันไม่มองสิ่งที่ฉันขาด
อันนี้ก็คือความหมายหนึ่งของการอยู่กับปัจจุบัน ชื่นชมสิ่งที่มี สิ่งที่ไม่มีก็ไม่สนใจ ไม่เอามาทิ่มแทงตัวเอง สิ่งที่หายไปแล้ว สิ่งที่สูญไปแล้ว ก็ไม่เอามาสร้างความหนักอกหนักใจ หรือว่าทำให้เสียใจ ทุกครั้งที่เราเสียใจเพราะว่าเสียดายของที่หายไป หรืออาลัยสิ่งที่สูญเสียไป นั่นแสดงว่าเราไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน หรือทุกครั้งที่เราพะวงห่วงกังวลกับนั่นกับนี่ นั่นแสดงว่าเราไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน
พระไพศาล วิสาโล
ที่มา หลายแง่มุมของการอยู่กับปัจจุบัน
ถอดคำบรรยาย โดย อดิศรา เตชะกิจจาทร
ที่มา : อมตะธรรม ประเทศไทย
บทความนี้ทางเว็บไซต์พระคุ้มครองไม่ได้เขียนเองนะครับ แต่ผมอ่านแล้วรู้สึกประทับใจ ถูกใจในบทความนี้เป็นอย่างมาก ขออนุญาตแหล่งที่มา ผู้ถอดคำบรรยายเพื่อนำมาเผยแผ่ต่อนะที่นี้
แน่นอนว่า ทุกวันนี้ คนเราเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่ไม่มีในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่าตัณหาอันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
ผมในฐานะผู้นิยมชมชอบพระเครื่อง ขอยกตัวอย่างความทุกข์ของผู้นักสะสมพระเครื่อง นักสะสมพระเครื่องทั้งหลายเมื่อได้ยินได้ฟังหรือได้เห็นพระเครื่องรุ่นนั้นดีมีความสวยงาม ราคาแพงเป็นที่นิยมก็มีความต้องการที่จะไขว้คว้ามาไว้ครอบครอง ถ้าไม่ได้มาจิตใจก็กระวนกระวายอยู่นั่นแหล่ะ ทำงานเก็บเงินเพื่อนำไปซื้อมา ทั้ง ๆ ที่บ้านเองก็มีพระเครื่องเต็มตู้แล้ว ในที่สุดทนความกระวนวายภายในจิตใจไม่ได้จึงต้องซื้อมา เมื่อซื้อมาแล้วก็เก็บไว้ในตู้เหมือนกับองค์อื่น ๆ ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อเห็นพระเครื่ององค์อื่นก็เกิดความอยากได้อีก เก็บเงินซื้อมาเก็บไว้ในตู้อีกเช่นเคย เป็นแบบนี้องค์แล้วองค์เล่า
การที่เก็บพระไว้ในตู้บ้านเรานั้น ไม่มีความแตกต่างจากพระที่เก็บไว้ในตู้บ้านอื่น คือมีก็เหมือนไม่มี ไม่ได้นำพระมาใช้ทำอะไรเลย ซื้อเก็บไว้สนองความต้องการของตนเองเท่านั้น พอได้มาแล้วก็อยากได้องค์อื่นอีกอย่างไม่สิ้นสุด
เราควรยินดี ชื่นชม บูชาในพระที่เรามี มีองค์เดียวสององค์ก็พอใจ ชื่นชม และบูชาอย่างสนิทใจ ดีกว่าไปไขว้คว้าหามาเพิ่มจนลืมไปว่าตนเองมีพระรุ่นไหนบ้าง ไม่เคยนำออกมาบูชาเพื่อระลึกถึงพุทธคุณ แบบนี้มีก็เหมือนไม่มี