การสอนให้เชื่อเรื่องกรรมทำให้เป็นคนยอมแพ้ต่อชีวิต และกรรมไม่มีตัวตนจะทำให้คนดีชั่วมั่งมีศรีสุขได้อย่างไร จะต้องมีพระเจ้าเป็นผู้กำหนดจึงจะถูกใช่ไหม?
ปัญหานี้ออกจะมีโมหาคติคือลำเอียงเพราะความไม่รู้มากไปหน่อยเพราะพูดไปพูดมาแสดงว่ากรรมในความหมายของพระพุทธศาสนาคืออะไรกันแน่ ก็ไม่เข้าใจซึ่งก็น่าเห็นใจ ก่อนอื่นควรทราบว่ากรรมในความหมายของพระพุทธศาสนาคืออะไร?
กรรมคือความจงใจที่บุคคลกระทำลงไป ทางกาย ทางวาจา อาจจะออกมาในทางดีไม่ดี กลางๆก็ได้ท่านเรียกว่า กุศลกรรม อกุศลกรรม และอัพยากตกรรม ตามลำดับ
ด้วยเหตุนี้จะพบว่าชีวิตของเราทุกคนจึงผูกพันอยู่กับกรรมไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งตลอดเวลา การอาบน้ำ ทานข้าว เรียนหนังสือ ทำงาน งานประจำวันทุกรูปแบบของคนล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากความจงใจที่บุคคลกระทำลงไปนั้นมีอะไรบ้างที่ไม่เป็นกรรม?
พระพุทธศาสนาแสดงว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมกรรมเป็นตัวแบ่งแยกให้คนแตกต่างกัน ซึ่งเป็นคำกล่าวที่เห็นได้ทันทีทันใด เช่นนักเรียนๆหนังสือ ผลสอบออกมาไม่เหมือนกัน คนทำราชการมีความก้าวหน้าต่างกัน คนประกอบอาชีพเดียวกันแต่ประสบความสำเร็จแตกต่างกัน แม้คนที่ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรมก็ได้รับผลไม่เหมือนกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการจำแนกของกรรมทั้งนั้น
“กรรมจำแนกให้ต่างกันอย่างไร?”
คือในการเรียน การทำงาน การประกอบอาชีพ การศึกษา และการปฏิบัติธรรมของคนเหล่านั้น มีเจตนาคือความจงใจ ความตั้งใจไม่เท่ากัน ผลจึงออกมาไม่เหมือนกัน
อันที่จริงคำสอนเรื่องกรรมนั้นพระพุทธศาสนาเน้นหนักไปในกรรมปัจจุบันคือการกระทำของคนในปัจจุบันเป็นหลักสำคัญโดยสอนให้คนยอมรับเงื่อนไขแห่งกรรมว่า
“คนเรามีกรรมเป็นของๆตน จะต้องเป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นเป็นที่พึ่งอาศัย ใครทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตามจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น”
ในขณะเดียวกันพระพุทธศาสนาได้จำแนกประเภทของกรรมพร้อมทั้งผล ให้คนเลือก กระทำและละเว้นตามสมควรแก่กรณี หากเขาต้องการความสุขความเจริญในชีวิตคือ
เช่น ความขยัน มีสติ มีเมตตา กรุณา ในการดำรงชีวิตให้ผลเป็นความสุข ความเจริญ
อกุศลกรรม เช่น ความเกียจคร้าน การลักขโมย การดื่มสุรา ยาเสพติด ขาดสติ เขลา มีความริษยาอาฆาตให้เป็นความทุกข์ความเดือดร้อน
จะเห็นได้ว่าการสอนเรื่องกรรมในพระพุทธศาสนา แทนที่จะสอนให้คนแพ้ชีวิตกลับเป็นการกระตุ้นให้คนสำนึกว่า ความดี ความชั่ว ความทุกข์ ความเจริญ ก้าวหน้า ความมั่งคั่ง ยากจน ในชีวิตของตนนั้น หาได้เนื่องด้วยอำนาจภายนอกไม่ แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเองเป็นผู้สร้าง ผู้ทำลาย ผู้ดำรงรักษาชีวิตของตนด้วยตนเอง
ตามหลักพระพุทธศาสนา นั้นกรรมของตนนั้นย่อมมีทั้งส่วนที่เป็นอดีตกาลใกล้และอดีตกาลนานไกลและปัจจุบันกรรม อันมีความสลับซับซ้อนอยู่ในชีวิตของคนการอำนวยให้เกิดผลในปัจจุบัน จึงต้องอาศัยปัจจุบันกรรมเป็นหลัก อดีตกรรมมีความสำคัญรองลงมา จึงไม่มีปัญหาอะไรที่จะทำให้คนผู้ไม่มีความเข้าใจและเชื่อมั่นในกฏแห่งกรรมจะยอมแพ้ต่อชีวิต มัวรอการบันดาลแห่งกรรมอยู่ เพราะกรรมจะบันดาลให้เฉพาะแก่บุคคลผู้ทำกรรมเท่านั้นและผลที่เกิดขึ้นจากการบันดาลแห่งกรรมก็ต้องไม่ขัดแย้งกับเหตุที่บุคคลได้กระทำลงไป เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า
ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลยาณการี กลยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ
แปลว่า บุคคลหว่านพืชเช่นใดย่อมได้รับผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี ผู้ทำความชั่วย่อมได้รับผลชั่ว
การเชื่อและยอมรับกฏแห่งกรรมจะเป็นประทีปนำทางชีวิตให้บุคคลในสังคมมีความเคารพเชื่อมั่นในตนเองมากยี่งขึ้น จะต้องการผลเช่นไรก็ใช้ความเพียรพยายามประกอบเหตุเพื่อให้เกิดผลเช่นนั้นขึ้นมาด้วยตนเอง ไม่ต้องรอการดลบันดาลจากอำนาจภายนอก พร้อมที่จะต่อสู้ผจญอุปสรรคที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วยสติปัญญาความเพียรของตน
เวลาแห่งชีวิตจะถูกใช้ไปเพื่อกุศลกรรมอันนำผลเป็นความสุขความเจริญให้เกิดขึ้น แก่ตน แทนที่จะมัวอ้อนวอนบวงสรวง สะเดาเคราะห์ ผูกดวง วิ่งหาเจ้าพ่อเจ้าแม่ ขอหวยกันอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
แต่ในปัจจุบันคนบางพวกเป็นอย่างไรบ้าง?
คนบางพวกกลายเป็นทาสที่ปล่อยแล้วไม่ยอมไป เมื่อก่อนเคยปล่อยให้วิถีชีวิตของตนขึ้นอยู่กับการดลบันดาลของ ธรรมชาติ ผีสาง เทวดา เทพเจ้า พรหมลิขิต พระเป็นเจ้า ปัจจุบันพวกเหล่านั้นมากลายเป็นดวง เป็นพระเจ้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตของตนถือว่าเป็นเรื่องของดวงกันหมด อาชีพหมอดู การสร้างเครื่องรางของขลังกลับเป็นอาชีพที่สร้างความร่ำรวยให้แก่คนที่อยู่ในอาชีพนี้อย่างมาก
นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ เป็นต้น อุตส่าห์เรียนและทำงานมาด้วยความเหนื่อยยาก แต่กลับต้องให้หมอดูช่วยตรวจดูว่าตนจะสอบไล่ได้ไหม ? จะได้เลื่อนตำแหน่งไหม จะได้เลื่อนสมณศักดิ์ไหม ? เป็นต้น
การกระทำอันขาดความรับผิดชอบออกมาในรูปของอาชญากรรมต่างๆได้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในสังคม จนกลายเป็นความชาชินกันไปเสียแล้วหากคนเหล่านี้ยอมรับเชื่อในกฏแห่งกรรมแล้วเรื่องเลวร้ายต่างๆในสังคมจะเกิดขึ้นหรือ ?
ในตอนสุดท้ายของปัญหาที่อ้างเป็นทำนองว่าผลที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเป็นของพระเจ้านั้นไม่มีความเห็น เพราะจะกระทบกระเทือนต่อศาสนาอื่น เรื่องเหล่านี้ขอเพียงคนได้
ใช้ปัญญาตรวจสอบชีวิตของตนที่ผ่านมาทั้งในด้านดีและไม่ดี จะเห็นด้วยตนเองว่าผลเหล่านั้นเกิดจากอะไรกันแน่ ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องที่นำไปสู่การถกเถียงที่ไม่เกิดประโยชน์อะไร อย่างที่เคยถกเถียงกันมานานแสนนานแล้ว