พระพุทธศาสนาสอนแก้ปัญหาชีวิตและช่วยให้พ้นทุกข์ได้จริงหรือไม่?
ได้แน่นอนโดยไม่มีข้อสงสัย คนได้รับผลจากการแก้ปัญหาและระงับความทุกข์ด้วยอาศัยหลักธรรมของพระพุทธศาสนามามากต่อมากทั้งในอดีตและปัจจุบัน คนเขาไม่สงสัยกันแล้วในเรื่องนี้ แต่เมื่อสงสัยมาก็ขอชี้แจงว่าพระพุทธศาสนารับรองว่าหลักธรรมในพระพุทธศาสนาสามารถแก้ปัญหาชีวิตและช่วยให้คนพ้นทุกข์ได้จริง แต่มีข้อแม้ว่า
“บุคคลนั้นจะต้องดำเนินตามหลักการและวิธีการทางพระพุทธศาสนานะ”
หลักการนั้นท่านได้กำหนดเป็นเรื่องๆไป เช่นถ้าต้องการจะแก้ความเสื่อมในชีวิตก็ต้องเว้นจากการกระทำอันเป็นทางแห่งความเสื่อมเสีย คือ อบายมุข อันได้แก่ ความเป็นนักเลงหญิง นักเลงการพนัน นักเลงดื่มสุรา เที่ยวกลางคืน คบคนไม่ดีเป็นมิตร และเกียจคร้านทำการงานเป็นต้น
หากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต การงาน ก็ต้องดำเนินไปตามหลักการที่จะนำคนไปสู่ความสำเร็จในชีวิตการงานก็ต้องดำเนินไปตามหลักการที่จะนำคนไปสู่ความสำเร็จ ๔ ประการ คือ
ฉันทะ ปลูกฝังความพอใจไม่ให้เสื่อมคลายในการงานนั้นๆ
วิริยะ มีความเพียรพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นโดยไม่ท้อถอยต่ออุปสรรค
จิตตะ เอาใจใส่สนใจในเรื่องนั้นๆไม่วางธุระ
วิมังสา ใช้ปัญญาพิจารณาหาเหตุผลตรวจสอบในเรื่องนั้นๆ
สำหรับวิธีการนั้นท่านกำหนดขั้นตอนที่คนควรจะทำความเข้าใจในปัญหาความทุกข์เป็นต้น ให้ทราบตามความเป็นจริงว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว ให้ลงมือปฏิบัติให้เหมาะสมแก่กรณีนั้น ขั้นตอนนั้น หมายเอาการวิเคราะห์ในเรื่อง นั้นตามลำดับดังนี้
อะไร? คือให้ทราบปัญหาหรือความทุกข์เป็นต้นว่าเป็นอะไรแน่
มาจากไหน? คือการศึกษาให้ทราบถึงสาเหตุอันเป็นมูลฐานและปัจจัยร่วมแห่งปัญหาความทุกข์เหล่านั้นให้ทราบว่า อะไรเป็นสาเหตุแท้จริง และปัจจัยร่วมซึ่งจำเป็นจะต้องขจัดให้หมดไป
เพื่ออะไร? เป็นการกำหนดเป้าหมายที่ตนมุ่งหวังอันเป็นความสุข ความเจริญ ซึ่งเกิดจากการทำลายสาเหตุแห่งปัญหาและความทุกข์เป็นต้น
โดยวิธีอย่างไร? ได้แก่การนำเอาหลักการแก้ปัญหาแก้ความทุกข์ในเรื่องนั้นๆ ตามที่ทางพระพุทธศาสนาได้แสดงไว้มาใช้ให้เหมาะสมเป็นกรณีๆไป
ได้โปรดเข้าใจว่าพระพุทธศาสนานั้นเปรียบเหมือนโอสถพิเศษที่สามารถบำบัดโรค ได้ตามสมควรแก่โลกที่เกิดขึ้น แต่การรักษาโลกคนจำเป็นต้องทราบอาการ สมุฏฐาน เป้าหมายและกรรมวิธีในการรักษาและยาที่จำเป็นต้องใช้โดยถูกต้องไม่ผิดพลาด ก็สามารถแก้โรคนั้นๆได้ฉันใด หลักธรรม พระพุทธศาสนา ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันฉันนั้น
ดังนั้น ท่านจึงแสดงว่าพระธรรมเป็นโอปนยิโกคือเป็นข้อที่คนจะต้องน้อมเข้ามาหาตนหรือน้อมตนเข้าไปหาจึงจะได้รับผลจากพระธรรมในระดับต่างๆตามสมควรแก่การปฎิบัติ.
(เนื้อหานี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบุคคลในภาพ)