ไอเดียการจัดห้องพระในบ้านเสริมสิริมงคลในชีวิตครอบครัว

สำหรับหลายคนแล้วการมีห้องพระในบ้านถือเป็นการสร้างความอบอุ่นและยังเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านได้อีกด้วย ซึ่งรูปแบบการจัดห้องพระปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรูปแบบและดีไซน์ของบ้านมากขึ้น โดยมีการผสมผสานความทันสมัยให้เข้ากับศาสตร์ของทางฮวงจุ้ยร่วมด้วย ทำให้รูปแบบของห้องพระมีทั้งความสวยงามและได้ความเป็นสิริมงคลอย่างครบครัน วันนี้เราก็ได้รวบรวมไอเดียการจัดห้องพระในบ้านที่น่าสนใจมาฝากคุณกัน

รูปแบบการจัดห้องพระ

รูปแบบการจัดห้องพระสามารถจัดแต่งได้หลายแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบและสไตล์ของบ้าน ซึ่งรูปแบบการจัดห้องพระที่น่าสนใจและสวยงามมีดังนี้

1.ห้องพระสไตล์โมเดิร์น

การจัดห้องพระสไตล์โมเดิร์นเป็นการใช้ชั้นวางพระที่เป็นรูปทรงเรขาคณิต โทนสีกลางเรียบ ๆ  เช่น สีขาว สีดำ สีเทา เป็นต้น ชั้นวางพระไม่มีการตกแต่งลวดลาย วัสดุที่ใช้เน้นจำพวกกระจก เหล็กหรือวัสดุที่มีการเคลือบสีแบบมันวาว เพิ่มความทันสมัยด้วยการตกแต่งแสงไฟในห้องให้ดูสว่างมากขึ้น ดูเรียบหรูน่าเคารพ ส่งผลให้ห้องพระดูสง่างามและเรียบง่ายไปพร้อม ๆ กัน เข้ามาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ

2.ห้องพระสไตล์มินิมอล

สไตล์มินิมอลถือว่าเป็นกระแสที่มาแรงอยู่ไม่น้อย  การจัดแต่งจะเน้นโทนสีธรรมชาติหรือสีอ่อน ๆ เช่น สีขาว, น้ำตาล, เขียว และฟ้า เป็นการตกแต่งที่เน้นความเรียบง่ายและใช้จำนวนน้อยชิ้น แต่สามารถใช้งานได้อย่างครบถ้วน รูปแบบจะเป็นแบบเรียบ มีทั้งที่เป็นโต๊ะหมู่เป็นชุดหรือแบบชั้นติดผนัง บรรยากาศของห้องออกแนวเรียบง่าย ปลอดโปร่งให้ความรู้สึกสงบ นอกจากนั้นการตกแต่งแบบนี้เหมาะกับห้องพระที่มีพื้นที่ไม่มาก เพราะมีวัสดุตกแต่งน้อย โทนสีอ่อน ทำให้ห้องดูกว้างขวาง ไม่แคบ เวลาเข้ามาสวดมนต์นั่งสมาธิจึงไม่รู้สึกอึดอัด

3.ห้องพระสไตล์หรูหรา

การจัดห้องพระที่แสดงออกถึงความหรูหรา มีการใช้วัสดุจำพวกโลหะ คริสตัล กระจก หินอ่อนในการตกแต่งหรือนำมาทำเป็นชั้นวางของ มีการตกแต่งรูปให้มีความหรูหรา ขับให้ห้องดูสวยงาม เน้นโทนสีทอง ขาว ครีมเป็นหลัก โดยเฉพาะสีทองจะส่งให้ห้องดูหรูหรามากยิ่งขึ้น สร้างความเพลิดเพลินในการสวดมนต์ เสริมสร้างบารมี ทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องรู้สึกผ่อนคลาย

4.การจัดห้องพระแบบลอฟท์

เป็นการจัดที่เน้นโครงสร้างที่ปราศจากการตกแต่ง โดยเน้นโทนสีน้ำตาล ดำ เทาเป็นหลักในการตกแต่ง วัสดุที่ใช้จะเป็นปูน เหล็กและไม้ที่ไม่ผ่านการตกแต่งเป็นแบบดั้งเดิม ถือเป็นการตกแต่งที่เรียบง่าย แต่มั่นคง โดยชั้นวางพระอาจเป็นการก่ออิฐฉาบปูนเป็นชั้น ๆ แทนโต๊ะหมู่ที่ทำจากวัสดุอื่น สำหรับวางองค์พระและเครื่องบูชาต่าง เช่น กระถางธูป เชิงเทียน เป็นต้น ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยการจัดไฟเพื่อลดความอึมครึมและเพิ่มมิติแสงและเงาให้กับองค์พระและห้องพระ ห้องพระสไตล์นี้ให้บรรยากาศเงียบสงบและลึกลับ แต่ก็ให้ความรู้สึกสงบ ร่มเย็นเหมาะกับการนั่งสมาธิ สวดมนต์

5.ห้องพระสไตล์ดั้งเดิม

ห้องพระสไตล์นี้เป็นที่รู้จักกันดีของคนไทย เพราะเป็นรูปแบบที่เห็นได้ตามบ้านสมัยก่อนที่จะนำโต๊ะหมู่บูชาแบบต่าง ๆ มาวางบนโต๊ะขนาดใหญ่ตรงกลางห้อง สร้างความสวยงามและขลังให้กับพระที่นำมาจัดวาง เป็นการจัดแบบดั้งเดิมที่เน้นการใช้โต๊ะหมู่แบบไทย ที่มีโต๊ะไม้ขนาดเล็กหลายขนาดและความสูงมาจัดวางอยู่ด้วยกัน ซึ่งโต๊ะหมู่ส่วนมากจะทำจากไม้เคลือบด้วยสารเคลือบไม้เพื่อเพิ่มความคงทนและเน้นลายไม้ให้สวยงาม บางแบบมีการตกแต่งลวดลายแบบไทย เช่น ลายกนก ลงรักปิดทอง เป็นต้น ห้องพระแบบนี้จะให้บรรยากาศแบบไทย รู้สึกถึงเสน่ห์ความเป็นไทยแบบดั้งเดิม

ห้องพระแต่ละแบบล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์และความสวยงามที่ต่างกันออกไป การจะเลือกว่าจะจัดห้องพระแบบก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของบ้านเป็นหลัก แต่ลักษณะโดยรวมของห้องไม่ว่าจะจัดแต่งแบบใดถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะเพิ่มความเป็นมงคลให้กับผู้ที่อยู่อาศัยภายในบ้าน

ลักษณะเสริมสิริมงคลห้องพระภายในบ้าน

การจัดห้องพระตามสไตล์ที่ชอบแล้ว ลักษณะของห้องพระถือเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับผู้ที่อยู่อาศัยภายในบ้าน โดยลักษณะของห้องพระที่เสริมสิริมงคลมีดังนี้

1.ตำแหน่งของห้อง

ตำแหน่งของห้องพระจะต้องเป็นห้องที่ไม่ใช้ผนังร่วมกับห้องน้ำ เพราะตามความเชื่อแล้ว ห้องน้ำเป็นแหล่งรวมของธาตุเย็นและยังเป็นที่รวมของสิ่งสกปรกต่าง ๆ แต่ห้องพระเป็นห้องของธาตุร้อนและเป็นที่รวมของสิ่งมงคล ดังนั้นไม่ควรนำสองสิ่งที่ส่งผลในทางตรงกันข้ามมาอยู่ใกล้กัน เพราะจะทำให้เกิดการขัดแย้งและลดทอนความเป็นสิริมงคลให้น้อยลง ดังนั้นตำแหน่งของห้องพระจึงไม่ควรติดอยู่กับห้องน้ำ หากเป็นบ้านที่มีมากกว่า 1 ชั้น ห้องพระควรอยู่ชั้นบนสุดของตัวบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเดินข้ามพระ ซึ่งถือเป็นการรบหลู่พระพุทธคุณไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

2.ถ่ายเทอากาศได้ดี

หลายคนมักคิดว่าห้องพระควรเป็นห้องที่ปิดมิดชิด ไม่ควรมีแสงสว่างและไม่ควรมีช่องระบายอากาศ ซึ่งความคิดนั้นผิดพลาดอย่างแรง เนื่องจากห้องพระที่ดีที่ช่วยเสริมสิริมงคลให้กับคนในบ้านจะต้องเป็นห้องพระที่ถ่ายเทอากาศได้ดี มีการหมุนเวียนของอากาศจากภายนอกเข้ามาสู่ภายในได้ดี หากไม่มีหน้าต่างก็สามารถติดตั้งระบบระบายอากาศช่วยเพื่อให้เกิดการถ่ายเทของอากาศ นอกจากศาสตร์ด้านฮวงจุ้ยแล้ว การที่ห้องพระควรถ่ายเทอากาศได้ดี เพื่อสุขภาพที่ดีของคนที่อยู่ในบ้านด้วย เนื่องจากควันธูปและควันเทียนที่เกิดขึ้นมีสารคาร์บอนไดออกไซต์หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนได้  เกิดอาการเวียนหัว หมดสติได้ แต่ถ้าห้องมีอากาศถ่ายเทได้ดีควันจากธูปและเทียนย่อมไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่อยู่ในห้องได้

3.ขนาดเหมาะสม

ห้องพระไม่ควรมีขนาดที่เล็กเกินไป อย่างน้อยควรมีความกว้างอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อที่เวลานั่งกราบพระสวดมนต์หรือนั่งสมาธิจะได้มีสบาย ทำให้มีสติและสมาธิในการสวดมนต์ภาวนา แต่สำหรับบ้านที่มีพระจำนวนมากควรจัดห้องพระให้มีขนาดใหญ่พอดีกับการจัดวางพระ พระพุทธรูปทุกองค์จะต้องวางบนพื้น ห้ามวางพระพุทธรูปซ้อนทับกัน เกยกัน เพราะจะทำให้พระพุทธรูปล้มจนแตกหักได้ และเป็นลักษณะที่ไม่เหมาะ แสดงถึงความไม่เคารพ หากมีพระจำนวนมาก ให้ทำเป็นชั้นวางพระหลาย ๆ ชั้นในการวางพระพุทธรูปได้

4.ห้องอยู่ในมุมเงียบ

ห้องพระคือห้องที่ใช้สำหรับสงบจิตใจ ทำให้ใจให้บริสุทธิ์ คนที่เข้ามาในห้องพระย่อมต้องการความเงียบสงบ ดังนั้นห้องพระจึงควรอยู่ในมุมที่เงียบ ไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอก เช่น ไม่ติดกับห้องครัวที่มีเสียงทำอาหาร ไม่ติดกับห้องดูพักผ่อนดูหนังฟังเพลง เป็นต้น แต่ควรอยู่ติดกับห้องนอนหรือห้องทำงานที่มีการใช้เสียงน้อยจะดีที่สุด

ที่กล่าวมานี้เป็นลักษณะของห้องพระที่ช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับผู้ที่อาศัยภายในบ้าน

การจัดวางพระพุทธรูปภายในห้องพระ

การจัดวางพระพุทธรูปในห้องพระได้อย่างถูกต้องจะช่วยให้คนในบ้านอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข มีการกระทบกระทั่งน้อย ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและมีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ซึ่งลักษณะการจัดวางพระพุทธรูปภายในห้องพระควรมีลักษณะดังนี้

1.การวางพระประธาน

ในห้องพระควรมีการกำหนดว่าพระองค์ใดเป็นพระประธานของบ้าน ซึ่งพระประธานต้องเป็นปางใดปางหนึ่งของพระพุทธเจ้า ไม่ควรนำพระพุทธรูปของสาวกพระพุทธเจ้ามาเป็นพระประธาน เนื่องจากองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นพระที่ประเสริฐและบริสุทธิ์และเป็นใหญ่ในมวลพระทั้งหมด ดังนั้นพรที่ได้รับจากพระองค์ของยิ่งใหญ่กว่าพรจากพระสงฆ์ที่เป็นสาวกของพระองค์ ซึ่งพระพุทธรูปที่นิยมนำมาเป็นประธาน คือ พระพุทธชินราช พระพุทธรูป หลวงพ่อโสธร พระปางประจำวัน เป็นต้น การวางให้วางพระปรานในตำแหน่งที่สูงที่สุดของโต๊ะหมู่ และพระประธานควรเลือกองค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบ้านด้วยจะดีที่สุด

2.การวางพระพุทธสาวก

พระสาวกหรือพระอรหันต์ที่เจ้าของบ้านนับถือ เช่น พระสิวลี พระสารีบุตร พระโมคัลลา หลวงปู่ทวด หลวงพ่อโต เป็นต้น รวมถึงพระธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ สามารถจัดวางชั้นรองต่ำลงมาจากตำแหน่งพระประธาน ขนาดขององค์พระไม่ควรใหญ่กว่าพระประธานในห้องพระ

3.การวางบรรพบุรุษ

หลายคนมักจะนำอัฐิหรือรูปบรรพบุรุษเข้ามาอยู่ในห้องพระ ซึ่งการนำอัฐิหรือรูปภาพบรรพบุรุษมาวางในห้องพระสามารถทำได้ แต่จะต้องทำการแยกห้องพระหรือโต๊ะสำหรับวางออกจากกัน โดยโต๊ะสำหรับวางพระ 1 ชุด และโต๊ะสำหรับวางบรรพบุรุษ 1 ชุด ซึ่งโต๊ะสำหรับวางบรรพบุรุษจะต้องมีขนาดเล็กกว่าโต๊ะพร และการวางควรห่างจากกันเล็กน้อย ไม่ควรวางโต๊ะติดกัน

สำหรับเชิงเทียน กระถางธูป กระถางดอกได้ที่ใช้ในการบูชา ควรวางด้านล่างสุดของโต๊ะหมู่บูชาที่ใช้สำหรับจัดวางพระพุทธรูป ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและง่ายต่อการใช้สอยด้วย

การดูแลห้องพระเพื่อเสริมสิริมงคล

เมื่อมีห้องพระแล้ว หากเจ้าของบ้านไม่ทำการดูแลให้ดี ห้องพระที่เป็นห้องเสริมสิริมงคล อาจกลายเป็นที่สร้างความไม่ดีให้กับคนในบ้านได้ ดังนั้นท่านจึงต้องดูแลห้องพระให้ดี โดยการดูแลห้องพระเพื่อเสริมสิริมงคลมีดังนี้

1.ทำความสะอาดเป็นประจำ

ห้องพระที่ดีจะต้องทำความสะอาดเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะห้องพระเป็นห้องที่มีการใช้งานน้อยและมีการจุดธูปเทียนในการบูชาพระ ทำให้มีฝุ่นเกาะสะสมตามจุดต่าง ๆ ภายในห้อง ทั้งฝุ่นที่เกิดขึ้นภายในห้องและฝุ่นที่มาจากนอกห้อง ดังนั้นจะต้องทำความสะอาดดูดฝุ่น เช็ดฝุ่นที่อยู่ภายในห้องให้หมด

2.เปิดระบายอากาศ

นอกจากการทำความสะอาดแล้ว การเปิดหน้าต่างหรือระบบระบายอากาศเป็นประจำจะช่วยให้ภายในห้องมีอากาศที่บริสุทธิ์ลดกลิ่นอับและมีพลังงานดีหมุนเวียนเข้ามา ดังนั้นหากมีเวลาควรเปิดหน้าต่างหรือระบบระบายอากาศเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนภายในห้องอยู่เป็นประจำแม้ไม่ได้เข้าไปใช้งานก็ตาม

ที่กล่าวมานี้เป็นการจัดห้องพระและการดูแลห้องพระเพื่อเสริมสิริมงคล แต่ห้องพระจะสมบูรณ์แบบและเป็นสิริมงคลต่อผู้ที่อาศัยในบ้านมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการกระทำและการดูแลเอาใจใส่ด้วย ดังนั้นเมื่อมีห้องพระก็ควรเข้าไปสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำให้จิตให้สงบเป็นกุศล คิดดี ทำดีแล้วชีวิตจะยิ่งดีขึ้นไป