หลวงพ่อแบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร
ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีชอบ กรอปด้วยศีลและธรรม มีศีลาจาริยวัตรที่งดงาม และยังคงรักษาข้อวัตรปฏิบัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต โดยมีหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ผู้เป็นบูรพาจารย์ พาประพฤติปฏิบัติสืบทอดมา
หลวงพ่อแบน ธนากโร นามเดิมท่านชื่อ แบน นามสกุล กองจินดา เกิดเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ ตรงกับวันเสาร์ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะโรง ณ บ้านหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี บิดาท่านชื่อ นายเล็ก กองจินดา มารดาท่านชื่อ นางหลิม กองจินดา ครั้นพอถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนแล้ว บิดามารดาได้ส่งให้ท่านเข้าศึกษา ในโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนจบประถมศึกษาปีที่ ๔ ครั้นจบการศึกษาแล้วท่านก็ได้ช่วยบิดมามารดาทำสวนทำไร่ เพราะในเขตจังหวัดจันทบุรีนั้น อาชีหลักคือทำสวนเงาะ สวนทุเรียน
การอุปสมบท
เมื่ออายุ ๒๑ ปี หลวงพ่อแบน ธนากโร ท่านได้เข้าไปศึกษาข้อวัตรปฏิบัติกับหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ณ วัดทรายงาม อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านของท่าน พอทราบถึงข้อวัตรปฏิบัติแล้ว หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ จึงได้นำท่านเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓ ณ วัดเกาะตะเคียน ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยมี พระอมรโมลี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิพัฒน์พิหารการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระเม้า เป็นพระอนุสาวนาจารย์
อยู่ศึกษาธรรมกับหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ
ภายหลังจากที่ท่านบวชบวชแล้วก็มาอยู่ปฏิบติธรรมกับหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ที่วัดทรายงาม จังหวัดจันทบุรี และก็ได้ติดตามหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ มาอยู่ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร จนกระทั่งหลวงปู่กงมา มรณภาพ ครั้นทำการถวายเพลิงศพของหลวงปู่กงมาแล้ว หลวงพ่อแบน ธนากโร ท่านก็ทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดดอยธรรมเจดีย์ต่อจากหลวงปู่กงมาผู้เป็นอาจารย์ รักษาข้อวัตรปฏิบัติอย่างเด็ดเดี่ยว รวมทั้งทำหน้าที่อบรมพระภิกษุสามเณร ญาติโยมที่มาขออยู่ปฏิบัติธรรม ให้มีศีลธรรมประจำใจ
เป็นพระที่องค์พระมหากษัตริย์ให้ความเคารพ
เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จแปรพระราชฐานมาพักอยู่ที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร เพื่อออกเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคอีสาน ทั้งสองพระองค์ และพระบรมวงศ์ จะเสด็จขึ้นไปกราบนมัสการหลวงพ่อแบน ธนากโร ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ และเยี่ยมเยียนประชาชนในแถบนั้นทุกครั้ง
เป็นเสาหลักพระกรรมฐานในเขตภาคอีสาน และภาคอื่นๆ
พอถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา เป็นต้น คณะลูกศิษย์ทั้งพระและฆราวาสนั้นจะมาจากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเขตจังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร อุดรธานี เลย บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ ฯลฯ จะพากันมาลงอุโบสถสามัคคีกันที่วัดดอยธรรมเจดีย์ และรับฟังธรรมโอวาท คติเตือนใจ รวมทั้งข้อธรรมอื่นๆ ในด้านการปฏิบัติจิตตภาวนาจากหลวงพ่อแบน ธนากโร และท่านก็จะให้กำลังจิตกำลังใจ ไม่ให้ท้อถอย ให้ต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย คือกิเลส ให้ยึดมั่นในหลักพระธรรมวินัย รวมทั้งให้พากันตั้งอกตั้งใจรักษาข้อวัตรปฏิบัติ และปฏิปทาที่ครูบาอาจารย์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ท่านพาดำเนินมา
ซึ่งในช่วงเทศกาลต่างๆนั้น พระภิกษุที่มารวมกันลงอุโบสถนั้น มีประมาณ ๔๐๐ – ๕๐๐ รูป ส่วนฆราวาสก็ประมาณ ๙๐๐ – ๑,๕๐๐ คน ในวันปวารณาเข้าพรรษานั้น หลวงพ่อแบน ธนากโร องค์ท่านก็จะแจกวัตถุสิ่งของต่างๆ หลายอย่างให้แก่วัดที่มาร่วมลงอุโบสถสามัคคี อาทิเช่น น้ำตาล โกโก้ กาแฟ ร่ม ฯลฯ เพื่อมอบให้แก่ทางวัดได้ใช้สอยร่วมกัน และก็จะแจกถุงยังชีพให้แก่พระภิกษุสามเณร มีสบู่ ยาสีฟัน ยารักษาโรค ยากันยุง น้ำยาซักผ้า ฯลฯ เป็นต้น
เรื่องการสงเคราะห์หมู่คณะพระเณร ญาติโยมนี้ หลวงพ่อแบน ท่านจะทำอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่แต่เฉพาะวันสำคัญเท่านั้น ท่านจะพาลูกศิษย์ไปแจกผ้าห่ม เสื้อผ้า ข้าวปลา อาหารแห้ง ยารักษาโรค เครื่องอุปโภค บริโภคต่างๆ ให้แก่ประชาชน ในเขตอำเภอภูพาน อำเภอเต่างอย อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร อำเภอดงหลวง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม และทั่วทั้งภาคอีสาน รวมไปถึงภาคเหนือ และภาคอื่น ๆ เป็นต้น
ส่วนการสงเคราะห์ตามวัดนั้น ท่านจะออกไปตรวจตรา เยี่ยมเยียนตามวัดต่างๆ เพื่อให้กำลังจิตกำลังใจในการเจริญจิตตภาวนา นำเครื่องอุปโภค บริโภค มีน้ำตาล น้ำปลา มาม่า ปลากระป๋อง ฯลฯ ไปถวายให้วัดนั้นๆ หากเป็นฤดูกาลหน้าผลไม้ เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ออก ท่านก็จะจำนำไปแจกจ่ายให้ตามวัดครูบาอาจารย์กรรมฐานต่างๆ รวมทั้งวัดอื่นๆ ด้วย
สร้างโรงพยาบาล
หลวงพ่อแบน ธนากโร ท่านได้เมตตาสงเคราะห์คนหมู่มาก ทั้งพระและฆราวาส อย่างหาประมาณมิได้ องค์ท่านได้เมตตาสร้างตึกร่มฟ้า ให้แก่โรงพยาบาลจังหวัดสกลนคร พร้อมทั้งถวายพระราชกุศลแด่สมเด็นพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสร้างตึกร่มฉัตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตึกทั้งสองหลังนี้ เป็นตึกห้องพิเศษ วีไอพี มีอุปกรณ์ทันสมัยครบครันสมบูรณ์แบบ
เมื่อปีพ.ศ.๒๕๔๘ องค์ท่านได้สร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์แบน ธนากโร ที่อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวาระที่ทรงเจริญพระช นมายุครบ ๖๐ พรรษา
สร้างสำนักปฏิบัติธรรม
หลวงพ่อแบน ธนากโร นอกจากองค์ท่านจะเมตตาสงเคราะห์แก่ประชาชนทั่วไปแล้ว ท่านยังได้เมตตาสร้างวัด เพื่อเป็นสำนักปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เจริญรอยตามบูรพาจารย์ มีหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ เป็นอาทิ ให้พระภิกษุสามเณรได้มีที่อยู่ศึกษาข้อวัตร ปฏิบัติธรรม เพื่อรักษาป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร รักษาสัตว์ป่า รักษาธรรมชาติเอาไว้ ซึ่งนับวันจะถูกบุคคลต่างๆ ทำลายลงไป วัดที่องค์ท่านได้เมตตาสร้างนั้นมีอยู่หลายแห่งด้วยกัน ดังนี้ ๑.วัดป่าภูผาผึ้ง ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ๒.วัดป่าค้อน้อย บ้านค้อน้อย ตำบลค้อใหญ่ อำเภอกุดบาก จังหวัดมุกดาหาร ๓.วัดป่าวังเพิ่ม พระภาวนา อำเภอปากชอง จังหวัดนครราชสีมา ๔.จังหวัดจันทบุรี
หลวงพ่อแบน ธนากโร ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีชอบ กรอปด้วยศีลและธรรม มีศีลาจาริยวัตรที่งดงาม และยังคงรักษาข้อวัตรปฏิบัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต โดยมีหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ผู้เป็นบูรพาจารย์ พาประพฤติปฏิบัติสืบทอดมา ปัจจุบันนี้ หลวงพ่อแบน ธนากโร ท่านได้พำนักอยู่ที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ตำบลตองโขบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร หรือในบางครั้ง ท่านก็จะไปพักสั่งสอนศีลธรรม อยู่ที่วัดป่าวังเพิ่ม พระภาวนา อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และวัดที่ท่านสร้างขึ้นใหม่ในจังหวัดจันทบุรี
ธรรมะสงค์เคราะห์โลก
นอกจากที่หลวงพ่อแบน ธนากโร ท่านได้เมตตาสงเคราะห์บุคคลทั้งหลายด้วยวัตถุสิ่งของแล้ว ท่านจะให้ความสำคัญกับลูกศิษย์ทุกคนเสมอกันที่มากราบไหว้นมัสการท่าน สิ่งหนึ่งซึ่งหลวงพ่อท่านจะเมตตาสงเคราะห์กับบุคคลต่างๆนั้นก็คือ ธรรมะ โดยท่านจะอบรมผู้ที่มากราบนมัสการท่าน และพระเณรที่อยู่ภายในวัดเป็นประจำ ส่วนวันพระนั้นท่านจะเมตตาอบรมเป็นพิเศษ ท่างด้านจิตตภาวนา ดังนั้น จึงขอนำหัวข้อธรรมของหลวงพ่อแบน ธนากโร ที่ท่านเทศน์ ในวาระโอกาสสำคัญต่างๆ มาลงไว้ให้เป็นคติเครื่องระลึก เครื่องเตือนใจ แก่เหล่าพระสงฆ์ ฆราวาส ได้อ่านศึกษา เพื่อจะได้นำไปฝึกฝนอบรมตนเอง ให้เป็นไปตามหลักธรรมะคำสอนที่องค์ท่านได้เมตตาแสดงไว้
ธรรมะ คติธรรม หลวงปู่แบน ธนากโร
บุญคืออะไร
บุญ คือ การทำใจของเราให้สบาย ให้มีความสุข ให้สงบ ให้ใส ให้เย็น ให้สว่าง บุญ คือ การทำใจของเราให้สมบูรณ์ขึ้นมาด้วยศีลธรรม สิ่งใดเป็นประโยชน์แก่โลก แก่สังคมโลก อันนั้นเรียกว่าบุญได้ทั้งนั้น เพราะบุญ คือสิ่งที่สร้างสรรค์ การทำสิ่งที่สร้างสรรค์นั้นจึงเป็นการทำบุญ
สำเร็จเป็นการบุญ
เรื่องการบริจาคทาน บุญที่จะเกิดขึ้นมากน้อย ขึ้นอยู่กับจิตใจของบุคคลผู้ทำ ไม่ต้องสมมุติว่ากองกฐิน ไม่ต้องสมมุติว่ากองผ้าป่า ก็สำเร็จเป็นการบุญ
บุญกุศลมหาศาล
การทานมุ่งในการเสียสละด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๑ คือไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่ทานเพื่อมุ่งของตอบแทน ไม่ใช่ทานเพื่อมุ่งให้หน้าตาใหญ่โตอะไร ทานเพื่อเป็นการบูชา สิ่งที่เรานำไปบริจาคนั้น เป็นของที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรง คือได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ๑ แล้วก็บุคคลที่รับไทยทานของเราก็เป็นบุคคลที่มีความบริสุทธิ์ ๑ ถ้าหากว่าความบริสุทธิ์สามส่วนนี้มารวมกัน ไม่ต้องเรียกว่าผ้าป่า ไม่ต้องเรียกว่ากฐิน เป็นบุญกุศลมหาศาลทั้งนั้น
ธรรมโอสถ
คนที่จะเห็นคุณค่าของข้าวปลาอาหาร คนนั้นต้องรับประทาอาหารอิ่ม คนที่จะเห็นคุณค่าของยา โรคของเจ้าของต้องหายไป ตามปรกติเราๆ เป็นโรคด้วยกันทุกคน โรครัก โรคชัง โรคอะไรต่ออะไร เป็นโรคทั้งนั้น ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมแก้โรค
ได้ประโยชน์ทั้งนั้น
ศีลธรรมของพระพุทธเจ้า เอาไปประพฤติปฏิบัติ ได้รับประโยชน์ทั้งนั้น เหมือนกับยา จะสีวรรณะใด ฝรั่งดำ ฝรั่งขาว เขมร ไทย จะสีใดๆ ก็ช่าง ยาเป็นประโยชน์เวลาป่วยไข้ได้ทั้งนั้นไม่เลือกสีสัน ไม่เลือกวรรณะ
ความดีต้องรีบทำ
ความดี คือการบำเพ็ญทาน ความดี คือการรักษาศีล ความดี คือการบำเพ็ญจิตตภาวนา ให้รีบทำในขณะนี้ทีเดียว พระพุทธเจ้าทรงอุปมาไว้ เหมือนกับไฟไหม้ผมบนศีรษะให้รีบดับ ไม่ใช่ไหม้บ้านไหม้ช่องนะ ไหม้ผมบนศีรษะนี่ ต้องดับทันที การทำความดีก็ต้องรีบทำทันทีเหมือนกัน ทันทีทุกขณะ
ดูใจ
ให้ดูใจ ถ้าหากว่าเราดูใจของเราแล้ว ทำดีได้ดีจริง ใจมีความสบาย ใจมีความสุขจริง ทำไม่ดี ได้ความไม่ดีจริง ใจไม่สบายจริง ใจเป็นทุกข์จริง ถ้าเราดูใจของเราแล้ว มันชัดเหลือเกิน พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ดูใจของเรามากๆ แล้วคำว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อันนี้เราจะยอมรับอย่างสนิทใจ อย่าใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อน ใจร้อนจะร้อนใจ ร้อนใจเพราะไม่ได้ดั่งใจ ทำใจเย็นๆ แต่ว่าต้องมีความพยายามให้มาก พอใจในการทำให้มาก อันนี้เป็นข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง
ติเราเอง
ไปหาติคนอื่น บางทีมีปัญหา ติเรา ติเรา การติเรานั่นล่ะคือการแก้ปัญหา เป็นการแก้ปัญหาที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าถูกต้อง ต้นไม้ในโลก มีทั้งมีแก่นและไม่มีแก่น คนในโลกก็เช่นเดียวกัน มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ มีทั้งมีคุณภาพและไม่มีคุณภาพ ธรรมดาธรรมชาติของเขาเป็นอย่างนั้น จึงไม่ต้องไปติ ไม่ต้องไปชมอะไรกัน ถ้าหากว่าจะติจะชม พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการติเราชมเรา การที่ใจมุ่งตำหนิคนอื่นนั้น ใจไม่สบาย ใจเป็นอกุศล ใจมุ่งในการตำหนิเรา มุ่งในการแก้ไขเรา ใจมีลักษณะนี้ ใจเป็นข้อปฏิบัติ ใจมีอรรถ ใจมีธรรม มีธรรมจึงให้มุ่งที่จะแก้ไข ปรับปรุงเราเองอยู่เสมอ
ศีลบริสุทธิ์
เป็นฆราวาสก็สามารถที่จะเข้าถึงอริยบุคคลได้ อย่างนางวิสาขาก็เป็นผู้หนึ่งที่ยังครองเรือน แต่จิตของนางวิสาขานั้นสมบูรณ์ด้วยศีลห้า สมบูรณ์บริสุทธิ์ทีเดียว แม้แต่จะคิดไปในทางที่ละเมิดก็ไม่มี จิตอย่างนี้เป็นจิตประเสริฐ ศีลห้าจึงเป็นศีลที่ยังจิตยังใจให้ประเสริฐ เป็นอริยบุคคลขึ้นมาได้
ศีลสมบูรณ์
การรักษาศีล ก็คือการสำรวมในจิตในใจ สำรวมในจิตในใจสมบูรณ์ จิตนั้นพร้อมที่จะก้าวเป็นสมาธิธรรม การสำรวมในจิตในใจหย่อนยาน ศีลของเราก็หย่อนยาน การสำรวมในจิตในใจของเราเข้มงวดยิ่งขึ้นไป ศีลของเราจะสมบูรณ์ประณีตยิ่งขึ้นไป จิตพร้อมที่จะเป็นสมาธิ ในขณะที่จิตเป็นศีลสมบูรณ์นั้น จึงว่าศีลเป็นพื้นฐานที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ภาวนาดี
วันนี้มีโยมมาขอพร ขอพรอะไร ขอพรอะไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะ ว่างั้น ถ้าอย่างนั้นก็จะให้พรที่ดีที่สุด คือให้ภาวนาดีๆ พระพุทธเจ้า เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการภาวนา พระอรหันตสาวกเจ้า เป็นพระอรหันต์ด้วยการภาวนา พิจารณาดูแล้ว ไม่มีอะไรดีเท่าการบำเพ็ญภาวนา พ้นจากทุกข์ได้เพราะการภาวนา
เรือนธรรมเรือนใจ
นกเขาก็ยังมีรัง หนูเขาก็ยังมีรู กระจ้อนกระแตเขาก็ยังมีบ้านมีช่อง ผู้ปฏิบัติธรรม ก็ต้องมีเรือนธรรมเป็นเครื่องอยู่ของใจเช่นเดียวกัน เรือนธรรมก็คือความสงบ คือสมาธิธรรม
ถ่อมตน
ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นเครื่องประดับคนให้งาม การแข็งกระด้าง การยกแต่เจ้าของ พยายามกดคนอื่น อันนี้ไม่สวยงามเลย ไม่ว่าสังคมระดับไหน