ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหลายด้านหนุนหนำทำให้ชีวิตเราอยู่อย่างง่ายดายขึ้น แต่บางสิ่งบางอย่างหากเราเสพมันในทางที่ผิดหรือไม่ทันระวังก็อาจจะได้โรคมาเยือนสุขภาพเป็นของแถมแบบที่เราไม่ทันตั้งตัวรับก็เป็นได้ โดยเฉพาะพฤติกรรมการติดจอที่เห็นอยู่เกลื่อนกลาดเต็มไปหมดรอบตัว พฤติกรรมติดจอก็คือการที่คนเราชอบติดกล้องถ่ายรูป ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มักจะหยิบกล้องมือถือขึ้นมาถ่ายภาพของตัวเองในทุกอิริยาบถต่างๆ จากนั้นก็แชร์ลงไปในเครือข่ายสังคมแห่งโลกออนไลน์ เพื่อให้คนในวงการโซเชียลได้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น กดไลค์และแชร์ พฤติกรรมเช่นนี้ เราเรียกกันว่า “เซลฟี่” (Selfie)
สำหรับพฤติกรรมที่เรียกว่า ‘เซลฟี่’ นี้ เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี เช่น การดูทีวี การใช้อินเตอร์เน็ทคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะใช้ผ่านกระแสสังคมออนไลน์ต่างๆ สำหรับเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับแต่วัยรุ่นของไทยเราเท่านั้น แต่ยังระบาดไปยังกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลกอีกด้วย สิ่งเหล่านี้มีการเรียกกันว่าเป็นปรากฏการณ์ ยุคมิลเลนเนียมหลังจากยุค Y2K ได้ผ่านพ้นไป โดยคนรุ่ยนี้ค่อนข้างใช้วิถีชีวิตคลุกคลีอยู่กับสังคมโซเชียลกันค่อนข้างมาก แตกต่างจากคนในสมัยก่อนที่เติบโตมากับสื่อโทรทัศน์แต่เพียงพอย่างเดียวเท่านั้นและไม่ต้องมีหลากหลายรายการใดให้วุ่นวาย เพราะโทรทัศน์ทำหน้าที่เป็นฝ่ายตั้งรับและให้คนชมกดเลือกเปลี่ยนไปตามช่องที่ต้องการดูก็เพียงเท่านั้น
หากแต่ในปัจจุบันโลกแห่งโซเชียลมีเดียกลับมีบทบาทและอำนาจที่สามารถสื่อสารกับโลกได้อย่างกว้างไกลมากขึ้น สังเกตว่าหลายคนที่เลือกเล่นเฟสบุค ทวิตเตอร์ก็มักจะพูดเรื่องราวของตัวเองที่เกิดขึ้นผ่านรูปถ่าย เนื่องจากเป็นเรื่องที่พูดได้ง่ายและดีที่สุด จะว่าไปแล้วมนุษย์ทุกคนล้วนมีสัญชาตญาณแห่งการอยากเล่า อยากบอก อยากระบายอยู่ภายในใจลึกๆ ด้วยกันอยู่แล้ว แต่หากเป็นเมื่อก่อนก็อาจจะหาค่อนข้างยากที่คนเราจะมานั่งหยิบปากกาขีดเขียนเล่าในกระดาษสมุดเพียงเงียบๆ ลำพังแล้วไว้อ่านเอง ต่างจากคนยุคสมัยนี้ที่แค่ถ่ายภาพอัพลงแล้วเขียนบรรยายความรู้สึกหรือเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างวันด้วยภาพ และใช้การใช้คำก็ไม่ต้องเยอะมากหากกลับทำให้รู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่ได้ทำแล้ว มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากกับการบอกเล่าให้คนในแวดลงโซเชียลได้รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่ ทว่ามันกลับกำลังกลายเป็นพฤติกรรมที่ละลายความเป็นคุณค่าของตัวเราอยู่ลึกๆ อย่างไม่รู้ตัว
เพราะฉะนั้น วัยรุ่นยุคใหม่ไม่ควรเสพติดพฤติกรรมนี้กันมากเกินไป เพราะเรายังมีช่วงเวลาอื่น ๆ ให้ต้องรับผิดชอบเยอะกว่า เช่น การหันไปอ่านหนังสือ ตั้งใจเล่าเรียน ทำการบ้าน พูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่กับคนในครอบครัว รวมถึงการทำกิจกรรมอื่นๆ ที่สร้างสรรค์มากกว่าการสาดความสนใจจากในหน้าจอ เพราะมันจะทำให้เรากลายเป็นคนที่เห็นคุณค่าในตัวเองเสมอ โดยไม่ต้องเฝ้าหวังรอคนมาตามกดไลท์ แสดงความเห็นว่าเราต้องสวย ดูดี เนื่องจากคุณค่าของตัวเรามันอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่การโปรโมทผ่านสื่อออนไลน์เสมอไปเช่นนี้