มนต์พระกาฬ
โอมพระอินศวร พระนารายณ์ พระกาฬเจ้า พระอาทิตย์เจ้า พระเสาร์ พระอังคาร ผู้จะผลาญสัตรูทั้งหลาย หญิงชาย ผู้ร้ายกำหราบด้วยอำนาจพระมนต์ โอมพระกาฬเทวะจึงให้กูกำหราบสัตรูมิให้ทนทานด้วยสาตราพระมนต์ โอมบัลลัยระงอบมหาบัลลัยระงอบ ให้เป็นบ้าคลั่งไคลร้องให้เรียกผีเป็นกุลีกุลำรำสับรำสน ให้ร้อนให้หนาวไปทั่วทั้งตัว คุกให้คุกหัว คุกคลั่งคุกคราง ทอดเนื้อทิ้งตัวระงกระงัน จึงนอนขบฟัน ทอดทิ้งตัวตาย ตะเกียกตะกาย เข้าน้ำเข้าไฟซังเซเร่ไปทุกแห่งทุกหน มึงต้องด้วยสาตราพระมนต์ โอมพระกาฬจักรวาฬมหาเหเห
มนต์พระกาฬนี้มีอานุภาพมากนัก ตามแต่จะใช้เถิด เสกบาตรแตกก็ได้ สัตรูนักร้ายก็ฉิบหายไปเองแล
บังเกิดเป็นอันตรธานไปต่าง ๆ อย่าสนเท่ห์เลย เขียนชื่อเขานั่งทับภาวนาก็ได้ ให้สวดไปให้ครบ ๗ วัน เอาชื่อนั้นใส่กระบอกไม้แล้วทิ้งลงไปในใต้ฐานพระ ไม่ตายก็เป็นบ้าเสียคนไป อนึ่งท่านให้ทำรูป
ด้วยขี้ผึ้งหรือดินก็ได้ นั้นเป็นรูปคนร้าย ลงชื่อตรงกลางอก แล้วเอาหนามแทงที่ชื่อนั้น ภาวนาด้วยคาถา ๓ ที
นะโมพุทธายะ อะหังคะยอกคะยอก
กดหนามลงไปให้มิด หนามที่ใช้ ให้ใช้หนามตะขบหนามส้มซ่า เอาอย่างละ ๗ เล่ม แล้วให้แทงให้ทั่วตัว แทงมือข้างละเล่ม แทงเท้าข้างละเล่ม แทงให้หมดหนามนั้น แทงตามอวัยวะที่สำคัญ แล้วเอาคาถาบริกรรม
นะฉิบหาย โมตายโหง พุทใส่โลง ตายโหงบัลลัย ธายับไป ยะมรณัง สัตรูปาบัง มรณังภะเว
บริกรรมเสก ๑๐๘ คาบ แล้วเสกด้วยมนต์พระกาฬ จึงเอารปนั้นไปฝั่งทางสามแพร่ง ลึกศอกหนึ่ง ครบสามวันจึงเอายันต์พุทธจักรลงบาตรแตกไปนั่งทับลงที่ปากหลม เสกด้วยตัวเองเป็นไปดังใจปรารถนาแล.
จากหนังสือ อาถรรพเวทย์ ภาค ๑ โดยอาจารย์ เทพย์ สาริกบุตร
ผมนำมาเป็นความรู้เฉย ๆ นะครับ ว่าศาสตร์อย่างนี้ ความเชื่ออย่างนี้ วิชาการอย่างนี้มีจริง แต่ทำได้จริงไหมอีกประเด็นหนึ่ง และผมไม่ได้สนับสนุนให้คุณไปทำใคร
พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ครูอาจารย์ทั้งหลายไม่ได้สอนให้สาปแช่งใคร แต่อย่างว่าแหล่ะ คนเราจะทำมันก็หาวิธีทำอยู่นั่นแหล่ะจนต้องหันมาพึ่งเล่ห์กลมนต์คาถา