ผมไปอ่านเจอโพสต์หนึ่ง มีชื่อว่า “พระท่านไม่ใช่ไปรษณีย์” (ผมจะสรุปเพิ่มเติมตอนท้าย) เรื่องมีอยู่ว่า
พระคุณเจ้ารูปหนึ่งที่อยู่วัดประจำหมู่บ้าน ท่านได้ฝากให้ช่วยเขียนลงในอินเตอร์เน็ตหรือบอกต่อกันเป็นทำนองอธิบายให้ญาติโยมชาวพุทธได้รับทราบ ท่านเล่าว่า
เช้าวันหนึ่ง พระที่วัดได้ออกไปบิณฑบาตตามปกติ แล้วมีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งนำ “เบียร์สองกระป๋อง”มาใส่บาตร” (ตอนรับพระท่านไม่ทราบว่าเป็นอะไร)
เมื่อกลับมาถึงวัด จึงได้ทราบว่าเป็นเบียร์สองกระป๋อง ท่านจึงให้ศิษย์นำไปทิ้งถังขยะ
พอวันรุ่งขึ้น พระจึงได้ถามโยมผู้หญิงท่านนั้นจึงได้รับคำตอบว่า “คือว่าสามีที่เสียไป ชอบดื่มเบียร์ จึงอยากให้ท่านช่วยสวดส่งไปให้เขาด้วย”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นแล้วพระท่านจึงอยากให้นำเรื่องนี้มาบอกกับพี่น้องชาวพุทธผู้ใจบุญทั้งหลาย และฝากให้ช่วยกันบอกเพื่อน ๆ หรือคนรู้จักที่ชอบทำบุญใส่บาตร ว่า ควรเข้าใจเสียใหม่ว่า
“พระท่านไม่ใช่ไปรษณีย์ หรือหน่วยส่งของแบบเดลิเวอรี่”
การทำบุญโดยการให้ทาน โดยเฉพาะการถวายอาหารบิณฑบาตนั้น ข้อสำคัญคือ ควรถวายในสิ่งที่ท่านสามารถนำไปใช้ไปฉันได้จริง ๆ ตามสมควรแก่สมณบริโภค
ส่วนการอุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ล่วงลับ เป็นหน้าที่ของผู้ทำบุญ และอุปกรณ์อุทิศที่สำคัญก็คือ การได้ทำบุญจริง ๆ ของผู้นั้นเอง
การที่ชาวพุทธเข้าใจว่า พระสงฆ์เป็นผู้มีหน้าที่ หรือมีสามารถส่งของไปถึงผู้ล่วงลับได้ ก็เลยเกิดความเชื่อแปลก ๆ ว่า อยากให้คนตายได้อะไร ก็เอาสิ่งนั้นมาถวายพระ แล้วคิดไปว่าพระท่านคงมีคาถา หรือบทสวดอะไรซักอย่าง ที่ช่วยสวดส่งไปให้ดวงวิญญาณผู้ละโลกนี้ไปได้รับสิ่งนั้น ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดและที่สำคัญก็คือ ถ้าหากนำสิ่งที่เป็นโทษเป็นภัย หรือผิดต่อพระวินัย อย่างคุณผู้หญิงท่านนี้ นำเบียร์มาใส่บาตรพระ แทนที่จะเป็นบุญ กลับเป็นบาปแก่ผู้ถวาย ไม่ว่าจะมีเจตนาอย่างไรก็ตาม ยิ่งถ้าเชื่อผิด ๆ ว่า พระสามารถจะสวดส่งไปให้ได้ ก็กลายเป็นความเชื่อผิด แบบมิจฉาทิฏฐิ เป็นบาปซ้ำซ้อนสองเท่า
จึงขอฝากเพื่อนพุทธศาสนิกชนว่า จะทำบุญอะไร ขอให้ทำด้วยปัญญา ไม่ใช่ทำด้วยความเข้าใจผิด จนอาจก่อให้เกิดอกุศลแก่ตนเอง
พระทำหน้าที่อะไรในการทำบุญอุทิศ
พระเป็นแหล่งหรือเขตเป็นบุคคลที่ทำให้เกิดบุญและถือว่าเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดบุญมากกว่าแหล่งอื่น ๆ ในโลก เหมือนดังบทสังฆคุณที่กล่าวว่า อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสส (พระสงฆ์) เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่านี้
หลักการทำบุญอุทิศคร่าว ๆ
1. ทายก ทายิกา คือผู้ถวายสิ่งของเพื่อทำบุญ โดยการถวาย ทานวัตถุ 10 คือสิ่งที่ควรแก่การให้ทาน 10 ประการ ได้แก่ อาหาร, น้ำ, เครื่องนุ่งห่ม, ยานพาหนะ, มาลัยและดอกไม้, ของหอม, เครื่องลูบไล้, ที่นอน, ที่อยู่อาศัย, และประทีป
2. ปฏิคาหก คือผู้รับทาน ได้แก่พระภิกษุ หรีอพระสงฆ์ ผู้ทรงศีล หรือปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
3. มีการอุทิศบุญและอนุโมทนาบุญ หมายความว่า เมื่อทายกทายิกาได้ทำบุญโดยการถวายสิ่งของแก่ปฏิคาหกแล้ว ก็ย่อมเกิดบุญขึ้น เมื่อเกิดบุญขึ้นจึงทำการอุทิศบุญนั้นไปให้แก่ผู้ล่วงลับไป เมื่อผู้ล่วงลับไปได้รับทราบการอุทิศบุญนั้นจึงทำการอนุโมทนา บุญจะเกิดกับผู้ล่วงลับเพราะการอนุโมทนา การอนุโมทนานั้นแหล่ะคือหนึ่งในวิธีการทำบุญ เรียกว่าปัตตานุโมทนามัย ผู้ล่วงลับไปไม่สามารถให้ทานถวายสิ่งของได้ เพราะเขาไม่มีสิ่งของที่จะถวาย แต่สิ่งเดียวที่เขาจะทำได้คืออนุโมทนาบุญ จากข้อนี้เป็นอันเข้าใจว่า บุญต้องทำด้วยตนเอง แม้ผู้ตายไปก็ไม่สามารถได้บุญได้หากเขาไม่อนุโมทนา การอนุโมทนานั่นแหล่ะคือการทำบุญของเขา