มุ้ง กัน ผี
เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว 50-60 ปีเห็นใจได้ในบ้านนอกซึ่งความเจริญยังไม่เข้าถึง วิถีชีวิตของชาวบ้านจึงผูกพันอยู่กับสิ่งลี้ลับ หากมีเรื่องอะไรที่แปลก ๆ หาคำตอบไม่ได้ก็มักจะยกให้เป็นเรื่องของภูตผีปีศาจไป ดังเรื่องที่เคยเกิดขึ้น
ครั้งหนึ่ง หญิงข้างบ้านส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนจะเจ็บปวดทรมาน ด้วยเสียงร้องของเธอทำให้ผมและเพื่อน ๆ ตกใจตื่น แต่ก็อยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นจึงได้พากันวิ่งไปดู เห็นเธอเจ้าของเสียงนอนอยู่ซึ่งข้าง ๆ มีชายแก่สวดมนต์บ่นพิมพำทำน้ำมนต์รดเธอ เมื่อเสียงสงบลงชายแก่คนนั้นก็นำฝ้ายผูกแขนออกมาจากย่ามเสกคาถา 2-3 ทีแล้วผูกข้อมือเธอ จากนั้นชายผู้ขมังเวทย์ก็หันไปคุยกับเจ้าของบ้านเหมือนจะบอกให้ไปหยิบอะไรสักอย่างมา เมื่อเจ้าของบ้านถือออกมาส่งให้หมอธรรมขมังเวทย์ผมจึงรู้ว่านั่นคือผ้ามุ้ง หมอธรรมเสกมุ้งและบ่นอะไรพิมพำครู่หนึ่งแล้วจึงยื่นให้เจ้าของบ้านนำมุ้งไปกางกลางแจ้ง จากนั้นทั้งหมดมานั่งสูบบุหรี่กันอย่างสบายใจ ครู่ใหญ่หมอธรรมก็ลากลับบ้านไป
เมื่อได้โอกาส ผมจึงเข้าไปถามเจ้าของบ้านว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมต้องนำมุ้งไปกางที่กลางแจ้งอย่างนั้น เจ้าของบ้านจึงได้เล่าให้ฟังว่า ลูกสาวเขาไปทำอะไรที่ไม่ดีที่ข้างจอมปลวกจึงถูกผีเข้า และได้ไปตามหมอธรรมมาทำการไล่ผีออก เมื่อหมอธรรมไล่ผีออกไปแล้วก็ผูกข้อมือรับขวัญลูกสาว จากนั้นหมอผีก็ทำการตกลงกับผีว่า เด็กไม่รู้เรื่องอะไรด้วย หากเด็กทำผิดจะแต่งอาหารคาวหวานไปขอขมา ผีไม่ต้องมารบกวนแล้ว แต่หากจะต้องทำการนับตามุ้งที่กางนี้ให้ได้ก่อนว่ามีกี่ตา (มีกี่ช่อง) จึงจะสามารถเข้ามาในบริเวณบ้านนี้ได้ เขาจึงต้องนำมุ้งไปกางที่แจ้ง ในที่ลมพัดผ่านมาก ๆ ยิ่งดี เพราะผีจะนับตามุ้งไม่ได้ ใกล้จะนับครบลมก็พัดที จึงนับไม่ได้ ผีก็ไม่มีโอกาสได้เข้ามา
นี่เป็นเรื่องจริงที่รับรู้มาตั้งแต่สมัยเด็ก โตขึ้นมาแล้วผมจึงรู้ว่า อันที่จริงไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไม่มีอะไรมาก ผู้หญิงก็น่าจะป่วยหรือเป็นไข้ตามปกติ หรือป่วยไข้เพราะอากาศร้อน ฤดูเปลี่ยน อากาศเปลี่ยน ส่วนการที่นำมุ้งไปกางนั้นก็เป็นจิตวิทยาเพื่อให้เจ้าของบ้านสบายใจเท่านั้น ผีคงไม่โง่ขนาดนั้น แต่ก็ไม่แน่นะ ผีเขาอาจจะมีสัจจะมากกว่าคนก็เป็นได้