ความเชื่อว่าแม่น้ำคงคามีความศักดิ์สิทธิ์นั้นมีมาก่อนสมัยพุทธกาลหลายปีหรือนับพันปี ซึ่งพวกพราหมณ์จะทำการชำระบาปหรือล้างบาปโดยการเดินลงไปในแม้น้ำคงคา กวักน้ำขึ้นมาอธิษฐานรดศีรษะปล่อยให้น้ำชำระล้างไล่ลงมาเรื่อย ๆ จากนั้นค่อยมุดลงอาบ ในพิธีล้างบาปในน้ำคงคานี้อาจจะมีพิธีปลีกย่อยเฉพาะของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไป เมื่อทำเช่นนี้ เชื่อว่าสามารถล้างสิ่งที่ไม่ดีหรือการกระทำที่ไม่ดีออกไปได้ นอกจากนั้นยังเชื่อว่าทำให้เป็นผู้มีอายุยืนยาว มีสุขภาพแข็งแรง นำมาซึ่งสิ่งดี ๆ เหมือนได้รับพรจากพระเจ้า
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเกี่ยวกับการล้างบาปในแม่น้ำคงคาไว้เหมือนกัน แต่ผมจำไม่ได้ว่าพระพุทธองค์ตรัสไว้ที่ไหน ผมขอนำสำนวนที่ท่านอื่นได้เขียนไว้มาให้ท่านได้ศึกษา
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว พระองค์ทรงประกาศพระศาสนายังแว่นแคว้นต่าง ๆ ได้เคยทรงสนทนากับพวกพราหมณ์ที่ลงไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคาเพื่อล้างบาปเป็นใจความว่า ถ้าต้องการล้างบาปไม่จำเป็นต้องไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคา ขอให้ท่านชำระกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์ คือ เว้นจากทุจริตทางกาย วาจา ใจ และประพฤติแต่สุจริตทางกาย วาจา ใจ นั่นแหละคือการอาบน้ำล้างบาปมีในศาสนาของพระองค์ ถ้าประพฤติอยู่ในสุจริตแล้ว แม้น้ำดื่ม น้ำอาบ ธรรมดาก็จะกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย อนึ่ง ถ้าน้ำในแม่น้ำคงคาสามารถล้างบาปได้จริงและอำนวยผลให้ผู้ลงไปอาบไปสวรรค์ได้จริงแล้ว พวก กุ้ง หอย ปู ปลา ก็คงไปสวรรค์กันหมดเพราะอาศัยอยู่ในแม่น้ำนั้นตลอดเวลา (เป็นการถอดใจความออกมาเพื่อให้เข้าใจง่าย)
อนึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ในวัตถูปมสูตร ดังนี้
คนพาล มีกรรมดำ (บาป) แล่นไปยังแม่น้ำพาหุกาท่าน้ำอธิกักกะ ท่าน้ำคะยา แม่น้ำสุนทริกา แม่น้ำสรัสสดี ท่าน้ำปยาคะ และแม่น้ำพาหุมดีแม้เป็นนิตย์ (เพื่ออาบน้ำ) ก็บริสุทธิ์ไม่ได้ แม่น้ำสุนทริกา ท่าน้ำปยาคะ หรือแม่น้ำพาหุกา จักทำอะไรได้ (จะช่วยอะไรได้) (น้ำ) จะชำระนรชนผู้มีเวรทำกรรมอันหยาบช้า ผู้มีกรรมอันเป็นบาปนั้นให้บริสุทธิ์ไม่ได้เลย ผัคคุณฤกษ์ (ฤกษ์ดี) ย่อมถึงพร้อมแก่บุคคลผู้หมดจดแล้วทุกเมื่อ อุโบสถก็ย่อมถึงพร้อมแก่บุคคลผู้หมดจดแล้วทุกเมื่อ วัตรของบุคคลผู้หมดจดแล้ว มีการงานอันสะอาด ย่อมถึงพร้อมทุกเมื่อ
ดูก่อนพราหมณ์ ท่านจงอาบในคำสอนของเรานี้เถิด จงทำความเกษมในสัตว์ทั้งปวงเถิด ถ้าท่านไม่กล่าวคำเท็จ ไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่ถือเอาวัตถุที่เขาไม่ให้เป็นผู้มีความเชื่อ ไม่ตระหนี่ไซร้ ท่านจักต้องไปยังท่าน้ำคะยาทำไม แม้การดื่มน้ำในท่าน้ำคะยาก็จักทำอะไรให้แก่ท่านได้ฯ