ทะวัตติงสาการะปาฐะ
อะยัง โข เม กาโย กายของเรานี้แล
อุทธัง ปาทะตะลา เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นมา
อะโธ เกฐะมัตถะกา เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป
ตะจะปะริยันโต มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ
ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน เต็มไปด้วยของไม่สะอาด
มีประการต่างๆ
อัตถิ อิมัสสะมิง กาเย มีอยู่ในกายนี้
๑.เกสา ผมทั้งหลาย
๒.โลมา ขนทั้งหลาย
๓.นะขา เล็บทั้งหลาย
๔.ทันตา ฟันทั้งหลาย
๕.ตะโจ หนัง
๖.มังสัง เนื้อ
๗.นะหารู เอ็นทั้งหลาย
๘.อัฏฐี กระดูกทั้งหลาย
๙.อัฏฐิมิญชังเยื่อในกระดูก
๑๐.วักกัง ม้าม
๑๑.หะทะยัง หัวใจ
๑๒. ยะกะนัง ตับ
๑๓.กิโลมะกัง พังผืด
๑๔.ปิหะกัง ไต
๑๕.ปัปผาสัง ปอด
๑๖.อันตัง ไส ้ใหญ่
๑๗.อันตะคุณัง ไส้น้อย
๑๘.อุทะริยัง อาหารใหม่
๑๙.กะรีสัง อาหารเก่า
๒๐. ปิตตัง น้ำดี
๒๑.เสมหัง น้ำเสลด
๒๒. ปุพโพ น้ำเหลือง
๒๓.โลหิตัง นำเลือด
๒๔.เสโท น้ำเหงื่อ
๒๕.เมโท น้ำมันข้น
๒๖.อัฐสุ น้ำตา
๒๗.วะสา น้ำมันเหลว
๒๘.เขโฬ น้ำลาย
๒๙.สิงฆาณิกา น้ำมูก
๓๐.ละสิกา น้ำไขข้อ
๓๑.มุตตัง น้ำมูตร
๓๒.มัตถะเก มัตถะลุงคัง เยื่อในสมอง
อะยัง โข เม กาโย กายของเรานี้อย่างนี้
อุทธัง ปาทะตะลา เบื้องบนแต่พื้นเท้าขึ้นมา
อะโธ เกสะมัตถะกา เบื้องต่ำแต่ปลายผมลงไป
ตะจะ ปะริยันโต มีหนังหุ้มอยู่เป็นที่สุดรอบ
ปูโร นานัปปะการัสสะ อะสุจิโน เต็มไปด้วยของไม่สัอาด
มีประการต่างๆ อย่างนี้แลฯ
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต)
คำว่า อาการ 32 เป็นคำที่มาจากคติในทางพระพุทธศาสนา ซึ่งถือว่าร่างกายของคนเรานั้นประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 ได้แก่
- ปฐวีธาตุ (ธาตุดิน)
- อาโปธาตุ (ธาตุน้ำ)
- เตโชธาตุ (ธาตุไฟ)
- วาโยธาตุ (ธาตุลม)
ในจำนวนธาตุทั้ง 4 นี้ มีอยู่ 2 ธาตุ ที่สามารถจับต้องได้ คือ ปฐวีธาตุ กับ อาโปธาตุ
ปฐวีธาตุ เป็นธาตุที่มีลักษณะแข้นแข็ง มี 19 อย่าง ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า รวมมันสมอง อีก 1 เป็นทั้งหมด 20 อย่าง ส่วน อาโปธาตุ เป็นธาตุที่มีลักษณะเอิบอาบ มี 12 อย่าง ได้แก่ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร หากเรานับรวม ปฐวีธาตุ และ อาโปธาตุ ก็จะได้ 32 อย่าง เราจึงเรียกว่า อาการ 32 ซึ่งตรงกับภาษาบาลีว่า ทวัตติงสาการ อาการ 32 จึงไม่ได้หมายถึงอวัยวะ 32 ส่วน อย่างที่หลายคนเข้าใจกัน แต่หมายถึงส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกายของเราตามที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้น
เมื่อพิจารณาดูแล้ว คนที่เกิดมาไม่ครบ 32 หรือไม่ครบอาการ 32 จึงไม่ได้หมายถึงคนพิการแขนขา หรือหูหนวกตาบอดแต่อย่างใด เพราะว่าพวกยังมีครบทั้ง 32 ประการตามที่กล่าวมา ส่วนคนที่เกิดมาไม่ครบ 32 คือขาดอาการอย่างใดอย่างหนึ่งที่กล่าวไว้เบื้องต้น เช่น เกิดมาไม่มีผิวหนังทั้งตัว, เกิดมาไม่มีเล็บทั้งนิ้วมือและนิ้วเท้า, เกิดมาไม่มีขนหรือผมเป็นต้น แม้อย่างใดอย่างหนึ่งที่กล่าวมานี้ถือว่าเป็นบุคคลที่ขาดอาการ 32 ตามคติพระพุทธศาสนา