การสร้างพระเครื่องนั้น มักนิยมใช้มวลสารต่าง ๆ ในการสร้างสรรค์องค์พระให้ขึ้นเป็นรูปขึ้นมา ซึ่งพระเนื้อชินถือได้ว่าเป็นเนื้อพระชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติดีเด่นในหลาย ๆ ด้าน และถือว่าเป็นการสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาอันชาญฉลาดที่ทำให้ได้พระเครื่องที่มีความสวยงามจับใจ แถมยังมีความทนทานแข็งแรงและมั่นคงอย่างมาก และในวันนี้เราจะมาแนะนำพระเนื้อชินให้คุณได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น
พระเนื้อชิน คืออะไร
ในแวดวงพระเครื่องนั้น มีพระดัง ๆ มากมายที่เป็นพระเนื้อชิน ซึ่งสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยรู้จักว่าเนื้อพระแบบนี้เป็นอย่างไร เราจะอธิบายเพิ่มเติมให้ทราบว่าพระเนื้อชินเป็นพระที่ได้จากการผสมโลหะสองชนิดเข้าด้วยกันคือ ดีบุกกับตะกั่ว โดยมีอัตราส่วนอยู่ที่ตะกั่ว 30 % และดีบุก 70 % โดยคุณสมบัติของโลหะทั้งสองประการมีคุณสมบัติที่เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจก็คือ ตะกั่วเป็นแร่ธาตุที่มีจุดหลอมเหลวต่ำและมีการนำไฟฟ้าต่ำ ในขณะที่ดีบุกจะมีจุดหลอมเหลวต่ำและนำไฟฟ้าต่ำได้ พร้อมทั้งยังมีคุณสมบัติต้านทานการผุกร่อนได้เป็นอย่างดี เมื่อนำมาผสมผสานกันจะทำให้การขึ้นรูปพระเครื่องทำได้ง่าย มีความปลอดภัย เพราะมีความสามารถในการนำไฟฟ้าต่ำ
ชนิดของพระเนื้อชิน
พระเนื้อชิน มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด โดยสามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะของสีผิวและผิวของเนื้อพระเครื่อง ดังต่อไปนี้
- ชินตะกั่ว เป็นพระเนื้อชินที่มีส่วนผสมของตะกั่วในปริมาณสูง ทำให้เนื้อพระมีคราบสนิมสีแดงและอาจมีคราบขาวภายนอกเคลือบคราบสนิมสีแดงอีกที
- ชินเงิน สีของเนื้อพระจะเป็นสีเนื้อเงินสุก ทำมาจากโลหะผสมที่ประกอบด้วยตะกั่ว, ดีบุก, พลวง และสังกะสี
- ชินปรอท มีสีของผิวพระคล้ายกับเนื้อชินเงิน แต่ที่แตกต่างคือ ผิวพระเครื่องจะมีคราบปรอทจับอยู่ด้วย
- ชินตะกั่วผสมสังกะสี เนื้อพระจะมีผลออกเป็นสีเขียว
- ชินตะกั่วผสมเงิน มีสีเนื้อพระเป็นสีขาวอมเหลือง มีเนื้อค่อนข้างอ่อนและยืดหยุ่น สามารถงอองค์พระได้โดยไม่ทำให้หัก
ความเป็นมาของพระเนื้อชิน
พระเนื้อชินได้รับความนิยมอย่างมากในยุคสุโขทัย, อยุธยา เนื่องจากวัสดุที่จะนำมาเป็นส่วนประกอบนั้นสามารถหาได้ง่ายและกรรมวิธีในการทำมีความไม่ยุ่งยาก อีกทั้งตะกั่วและดีบุกยังเป็นโลหะที่มีจุดหลอมเหลวต่ำในอุณหภูมิที่ไม่สูงนัก เย็นตัวเร็ว จึงเหมาะกับสภาพแวดล้อมในการผลิตในสมัยโบราณที่เทคโนโลยีในการผลิตยังไม่สูงมากนัก และโดยส่วนใหญ่แล้วพระเนื้อชินจะเป็นศิลปะของช่างหลวง เพราะกรรมวิธีในการเตรียมการนั้นค่อนข้างจะต้องมีความซับซ้อนและใช้แรงงานผู้คนในการทำค่อนข้างมาก ดังนั้นผู้ที่จะครอบครองพระเนื้อชินนี้จึงมักเป็นชนชั้นเจ้านายระดับสูง การค้นพบพระเนื้อชินจึงมักพบในกรุโบราณตามสถานที่ที่สำคัญ อย่างกรุเจดีย์ในพระนครศรีอยุธยา หรือกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุพิษณุโลก เป็นต้น
กรรมวิธีการสร้างพระเนื้อชิน
การสร้างพระเนื้อชินนั้นสามารถทำได้โดยการนำโลหะทั้งสองชนิดคือ ตะกั่วและดีบุก มาทำการหลอมละลายแล้วเทลงในเบ้าหล่อพระ หรือกดลงไปในแบบพิมพ์พระ โดยแบบพิมพ์พระจะมีการแกะเอาไว้ก่อนโดยใช้วัสดุที่ทำมาจากไม้, ดินเหนียว หรือหิน
พุทธคุณ พระเนื้อชิน
เมื่อพูดถึงพุทธคุณหลักที่สำคัญและโดดเด่นของพระเนื้อชิน ต้องยกให้ในเรื่องของความคงกระพัน แคล้วคลาด เนื่องจากในสมัยโบราณนั้น พระเนื้อชินได้ชื่อว่าเป็นพระประจำกายของชนชั้นนำและนักรบชั้นสูงที่ทำให้การปลุกเสกพระจึงต้องเน้นพุทธคุณด้านความอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด อุดมไปด้วยทรัพย์และทรงอำนาจ
วิธีการล้างทำความสะอาดพระเนื้อชิน
พระเนื้อชินได้ชื่อว่าเป็นพระเครื่องที่มีความโดดเด่นในเรื่องพุทธคุณและยังเป็นพระเก่า หายาก ราคาสูง และด้วยความที่เป็นพระเก่าที่ขุดขึ้นมาได้จากกรุโบราณจึงทำให้เนื้อพระเครื่องมักมีคราบดินและฝุ่นจับองค์พระอยู่ค่อนข้างหนาจนทำให้สังเกตความงามของเนื้อพระได้ยาก ดังนั้นจึงต้องมีการล้างทำความสะอาดโดยพระเนื้อชินแต่ละชนิดจะมีกรรมวิธีที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้
1.พระเนื้อชินเขียวและเนื้อชินตะกั่ว ใช้น้ำยาทำความสะอาดผสมน้ำ จากนั้นใช้แปรงสีฟันจุ่มน้ำยาขัดเบาๆ จนคราบสกปรกฝังแน่นหลุดออก จากนั้นก็ล้างด้วยแชมพูอ่อนๆ อีกครั้ง
2.พระเนื้อชินเงิน ผสมน้ำและผงซักฟอกอ่อนๆ แล้วใช้พู่กันจุ่มน้ำนำไปปัดเบาๆ ทั่วองค์พระ จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วนำไปผึ่งลมให้แห้ง
ข้อควรระวังในการล้างทำความสะอาดพระเนื้อชินที่ควรรู้เพิ่มเติมก็คือ ไม่ควรทำการล้างพระเนื้อชินที่ได้ขึ้นมาจากกรุใหม่ๆ เพราะเนื้อพระถูกฝังอยู่ในกรุมาเป็นเวลานาน จึงยังไม่ได้มีการปรับสภาพให้เข้ากับอุณหภูมิและสิ่งแวดล้อมภายนอก การขัดล้างพระเครื่องเนื้อชินที่เพิ่งขุดขึ้นมาได้ใหม่ดังกล่าวจึงมีโอกาสที่จะทำให้เนื้อพระหรือผิวพระเดิมเกิดความเสียหายหรือเปลี่ยนสภาพไปได้ ดังนั้น จึงควรทิ้งระยะเวลาให้พระเครื่องทำการปรับสภาพให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกก่อน จึงจะทำการล้างพระ พระเนื้อชินเป็นพระเก่าที่ทรงคุณค่าและมีพุทธคุณสูง จึงทำให้มีราคาสูงตามไปด้วย ดังนั้นการดูแลรักษาพระเนื้อชินจึงเป็นเรื่องที่ต้องใหความใส่ใจอย่างมาก โดยจะต้องระมัดระวังไม่ให้เนื้อพระเกิดความเสียหายหรือเปลี่ยนสภาพ