มีเพื่อนคนหนึ่งได้ส่งขุนแผนอุ้มนางมาให้ผมดู ซึ่งทราบว่าลูกศิษย์สำนักใหญ่ทางภาคใต้ทำขึ้นมา เท่าที่สืบทราบมาว่าหลวงปู่หลวงพ่อพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เราเคารพนับถือท่านไม่ได้เป็นผู้ทำ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำแต่อย่างใด
ผมเข้าใจว่าทุกวันนี้มันเป็นธุรกิจทั้งหมด การออกวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง แม้การทำเว็บไซต์ของผมก็เป็นธุริกิจอย่างหนึ่งเช่นกัน
ผมเข้าใจในการสร้างวัตถุมงคลในทุกวันนี้ มุ่งกลุ่มเป้าหมายหลัก 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มมหาเสน่ห์ เจ้าชู้ เพลย์บอยทั้งหลาย ซึ่งกลุ่มนี้มีไม่น้อย จึงมีการสร้างวัตถุมงคล เครื่องรางที่มีรูปลักษณ์ดึงสะดุดใจ เห็นแล้วโดนใจทันที หรือไม่งั้นก็ตั้งชื่อให้กินใจเป็นต้นว่า ขุนแผนอุ้มนาง ขุนแผนมะดอล่อเป๋อ ตะกรุดเมียมาก
- กลุ่มโชคลาภ เป้าหมายของกลุ่มนี้ได้แก่คนทำมาหากิน พ่อค้าแม่ค้า คนค้าขายที่ต้องการเครื่องรางไว้ช่วยทำมาหากิน นักเสี่ยงโชคเสี่ยวดวง คอหวยโชคลาภทั้งหลาย ผู้ที่หวังในลาภลอยทั้งมวลซึ่งมีอยู่จำนวนไม่น้อยเหมือนกัน
การมีเครื่องรางช่วยนั้นดี อาจจะช่วยอำนวยผลได้ไม่ว่าด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม หรือในด้านการทำมาหากินค้าขายก็ตาม แต่การสร้างวัตถุมงคล เครื่องรางนั้นควรนึกถึงรูปแบบบ้าง อย่างตัวอย่างที่ขุนแผนอุ้มนางที่ผมมนำภาพมาประกอบบทความนี้ ตกลงว่าคุณจะสร้างขุนแผนนักรักในวรรณคดีขุนช้างขุนแผน หรือคุณสร้างพระพุทธรูปที่เราตั้งชื่อเรียกแบบไม่เป็นทางการว่าพระขุนแผนกันแน่ เพราะผมมองดูยังไงก็เป็นพระพุทธอุ้มนางหรือคล้ายพระประธานอุ้มนาง หากคุณต้องการสร้างเป็นตัวขุนแผนนักรักในวรรณคดีขุนช้างขุนแผนคุณควรสร้างให้มีรูปลักษณ์ที่ต่างจากพระพุทธโดยเฉพาะการนำสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับพระพุทธมาอยู่ในองค์ประกอบ เช่น ดาบ สะพายดาบ ติดอาวุธ ผู้หญิง หรือให้พระมาอุ้มไก่อุ้มผู้หญิงซึ่งมองดูแล้วไม่เหมาะสม ผมเองก็เป็นคนนิยมชมชอบเครื่องรางประเภทมหาเสน่ห์เมตตามหานิยม แต่ก็ต้องดูรูปแบบเป็นอย่าง ๆ ไป แยกกันให้ออกว่าอันไหนคือพระพุทธหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระรัตนตรัยกับสิ่งไหนคือเครื่องที่เป็นความเชื่อท้องถิ่นหรือความเชื่อความชอบเฉพาะตน
ผมไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้างขุนแผนอุ้มนางตามภาพที่นำมาเป็นตัวอย่าง หากท่านเข้ามาอ่านอย่าโกรธหรืออาฆาตพยาบาทผมเลยครับ
อาจจะมีคนบางกลุ่มสร้างเครื่องรางแปลกแล้วแอบอ้างว่าเป็นของพระเกจิรูปนี้บ้าง เป็นของวัดนั้นบาง ในยุคสมัยของเราอาจจะพอสืบค้นที่มาที่ไปได้ แต่นานเข้าจะทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าหลวงปู่หรือพระเกจินั้นสร้างจริง ๆ ก็จะกลายเป็นบาปเป็นกรรมของท่านผู้สร้างได้ครับ
รูปลักษณ์แบบนี้ ถ้าชาวต่างประเทศเห็นเขาจะเข้าใจว่าอย่างไร ก็คงจะอุทานว่า OH BUDDHA !!! เขาคงไม่คิดว่าเป็นขุนแผนในวรรคดีแน่ เมื่อคนไทยเป็นเมืองพระพุทธศาสนาทำแบบนี้เสียเอง จึงทำให้ฝรั่งคิดว่าทำแบบนี้กับพระพุทธรูปได้ ทำให้เขาคิดว่าเวลาถ่ายรูปกับพระพุทธรูปก็จับโอบกอดได้ นั่งบนตักได้ ยืนเหยียบได้ ซึ่งไม่เป็นที่ชอบใจของเราชาวพุทธอย่างแน่นอน
คำพูดในบทความของผมอาจจะไม่สละสลวย แต่หวังว่าท่านผู้อ่าน ท่านผู้สร้างวัตถุมงคล เครื่องรางต่าง ๆ จะได้เข้าใจในเจตนาของผม