คนที่เคยไปเที่ยวทางภาคอีสานในช่วงประเพณีบุญบั้งไฟ คงพอจะชินหูชินตากับคำว่าผาแดงนางไอ่อยู่พอสมควร เพราะผาแดงนางไอ่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น ของบุญบั้งไฟตั้งแต่โบราณ วันนี้เราจะพาไปดูตำนานสุดซึ้งระหว่างท้าวผาแดงและนางไอ่ ว่ารักของทั้งสองเป็นอย่างไร มีเหตุวิปโยคอะไรเกิดขึ้นกับคนทั้งสองเมื่อครั้งอดีต
ประวัติของท้าวผาแดงนางไอ่
ประวัติของท้าวผาแดงนางไอ่กับ อดีตรักตำนานเมืองล่ม ในเมืองหนองหานที่เล่าขานต่อกันมานาน โดยเป็นที่มาของนิทานที่ชาวอีสานรู้จักดีนั่นคือ นิทานรัก ท้าวผาแดงนางไอ่ ตำนานรักระหว่างหนึ่งหญิง สองชาย เมื่อฝ่ายหนึ่งพลาดจากความรัก และโดนทำร้ายถึงแก่ความตาย กระทั่งนำไปสู่สงครามบ้านเมือง ถล่มทลายกลายเป็นหนองหานหลวง ซึ่งเป็นทะเลน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของอีสาน รวมทั้งเป็นที่มาของวรรณกรรมอีสานและเป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีบุญบั้งไฟด้วย
ปฐมบทของตำนานผาแดงนางไอ่
มีพญาขอมผู้ครองนคร เอกธิดา หรือ เอกชะธีตา เป็นเมืองธิดาตาเดียว ซึ่งเป็นบริเวณหนองหานหลวงในปัจจุบัน ได้มีธิดาชื่อ นางไอ่คำ หรือ หรือ ไอ่ใจเมือง เป็นหญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ไม่มีหญิงใดที่จะมาเปรียบเสมอเท่าความสวยของนางได้ จึงทำให้นางเป็นที่หมายปอง ของชายหนุ่มในเมืองและต่างเมือง ไม่ว่าทุกหัวระแหงเมืองใด ต่างต้องการอยากได้นางมาเป็นคู่ครอง หนึ่งในชายที่ต้องการนางมาเป็นคู่ครอง คือ ท้าวผาแดง เจ้าชายแห่งเมืองผาโพง ที่ได้รู้ถึงความสวยงามของนางไอ่คำ แล้วเกิดยินดี หลงใหล ใฝ่ฝัน หมายปองตัวนางมาก กระทั่งไม่สามารถรอที่นครของตนเองได้ ท้าวผาแดงจึงเดินทางมาที่เมืองเอกชะธีตา พร้อมกับทหารคนสนิท เพื่อออกตามหาความรักของตัวเอง
เมื่อท้าวผาแดงต้องการสานสัมพันธ์นางไอ่คำ
ตอนแรกท้าวผาแดง มีการส่งสิ่งของไปฝากนางไอ่ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ไมตรีต่อกัน โดยให้ทหารคนสนิท เป็นคนติดต่อดำเนินการให้ ผ่านนางสนมคนใกล้ชิดนางไอ่ โดยเมื่อนางไอ่ได้รับสิ่งของจากท้าวผาแดง นางสนมคนสนิทของนางจะพูดถึงความหล่อเหลา สง่างาม องอาจ ผึ่งผาย กำยำ ล่ำบึก ของท้าวผาแดง ให้นางไอ่ฟังตลอด กระทั่งนางเกิดความสนใจ ว่าผาแดงคือใครกันแน่ แล้วจึงเกิดความรักกับท้าวผาแดง แม้ว่าทั้งสองจะไม่เคยเห็นหน้ากันเลยก็ตาม แต่บุพเพสันนิวาส และมีกามเทพแผงศรรักปักอกทั้งสองคน ทำให้ถอนศรรักออกจากอกไม่ได้ ซึ่งทั้งสองต่างละเมอพร่ำเพ้อถึงกันทุกคืนวัน
จากนั้นท้าวผาแดงและนางไอ่คำ ได้มาเจอหน้ากันด้วยการดำเนินการของ ทหารมหาดเล็ดและนางสนมคนสนิท แล้วได้ชื่นชมสวาทดังหมายไว้ แต่ด้วยการลักลอบเจอกันเช่นนี้ ทั้งสองจำยอมที่จะต้องลาจากกันด้วยคืนนี้ ก่อนจากไปท้าวผาแดงได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะกลับมารับนางไอ่ไปเป็นพระชายาของตนแน่นอน
การจุดบั้งไฟแข่งขันเพื่อได้นางไอ่เป็นคู่ครอง
เมื่อย่างเข้าสู่เดือน 6 บิดาของนางไอ่ ออกประกาศไปยังเมืองต่างๆ ให้มีการจุดบั้งไฟแข่งขันที่เมืองเอกชะธีตา โดยเดิมพันครั้งนี้ คือการได้นางไอ่ไปเป็นคู่ครอง หากบั้งไฟของเจ้าเมืองไหน เจ้าชายองค์ใดขึ้นสูงที่สุด จะได้นางไอ่ไปครอบครอง โดยกำหนดเอาวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันงานบุญบั้งไฟยิ่งใหญ่ เมื่อวันงานมีผู้คนมาร่วมงาน มีบั้งไฟจากสองเมือง คือ พญาฟ้าแดด กับ พญาเชียงเหียน รวมทั้งบั้งไฟของท้าวผาแดง ได้นำมาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
บทความแนะนำ…ทำไมคนเลือกที่จะบูชาพญานาคมากกว่าพญาครุฑ
ท้าวภังคีบุตรชายของพญานาคนครบาดาล
ท้าวภังคี ผู้เป็นบุตรชายของพญานาคผู้ครองนครบาดาล เป็นนาคหนุ่มที่ได้ยินเรื่อง ความสวยงามของนางไอ่ ท้าวภังคีจึงอยากมาชมความงดงามของนางไอ่ เมื่อรู้ข่าวการแข่งขันจุดบั้งไฟ ก็ออกมาจากนาคพิภพ พร้อมทั้งบริวาร เพื่อเข้าสู่เมืองเอกชะธีตา ท้าวภังคีได้แปลงกลายเป็นกระรอกเผือก ที่ชาวอีสานเรียกว่ากระฮอกด่อน เนื่องจากมีขนสีขาว ปากเท้าแดง ได้ดระโดดโลดเต้นไปมา ติดตามขบวนบั้งไฟ ไปเพื่อยลโฉมนางไอ่ อีกทั้งจะไปคอยลุ้นว่าบั้งไฟของใครจะชนะ และได้นางไอ่ไปครอบครอง ซึ่งเดิมพันครั้งนี้พญาขอมมีเดิมพันกับท้าวผาแดงด้วย ว่าหากชนะจะได้ครอบครองตัวนางไอ่
ไม่มีใครได้ครอบครองตัวนางไอ่
การแข่งขันบั้งไฟเพื่อแย่งชิงตัวนางไอ่ในครั้งนั้น ปรากฎว่าบั้งไฟของพญาขอมซุ คือ ไม่ขึ้นจากห้างหรือนั่งร้าน ส่วนบั้งไฟของท้าวผาแดงแตกระเบิดคาห้าง มีเฉพาะบั้งไฟของท้าวท้าวฟ้าแดด เจ้าเมืองฟ้าแดดสูงยาง กับบั้งไฟของพญาเซียงเหียน ที่ขึ้นสู่ท้องฟ้านานถึง 3 วัน 3 คืน จึงตกลงสู่พื้นดิน ทำให้ผลการตัดสินไม่มีผลการแพ้ชนะ อีกทั้งพญาทั้งสองมีศักดิ์เป็นอาของนางไอ่ จึงไม่มีการยกนางไอ่ให้กับใคร ทั้งท้าวผาแดงและนางไอ่ต่างผิดหวังกับผลการแข่งขัน แต่ไม่สามารถบอกความจริงได้ ต่างทำใจและกลับคืนสู่เมืองของตน เพื่อหาโอกาสต่อไป
เมื่อบุตรชายของพญานาคนครบาดาลต้องการนางไอ่
ท้าวภังคี บุตรชายผู้ครองนครบาดาล เมื่อได้เห็นความงามของนางไอ่แล้ว และเห็นไม่มีใครได้นางไปครอบครอง จึงคิดที่จะได้นางไอ่ไปเป็นคู่ครองของตนเอง ครั้งกลับสู่นาคพิภพ ก็อยู่ไม่สุขเพราะเรื่องหลงรักนางไอ่ และเพ้อฝันถึงนางตลอด และไม่รอคอยอีกแล้วจึงออกจากเมืองบาดาล เพื่อไปยังเมืองเอกชะธีตา โดยแปลงร่างเป็นกระรอกด่อนน้อยดังเดิม คอยแขวนกระดิ่งและปีนป่าย กระโดดไปมาบนต้นงิ้ว ตรงหน้าตาห้องนางไอ่คำ ดังคำประพันธ์วรรณกรรมอีสานว่า “ภังคีท้าวแปลงเป็นกะฮอกด่อน แขวนขอคำเฮ็ดอ้อนต้อน ปากกัดกินดอกงิ้ว ตาสิ่งเบิ่งไอ่คำ”
เมื่อเสียงกระดิ่งที่ผูกติดมากับกระรอกดังกังวาน นางไอ่คำจึงสงสัย และมายืนดูตรงหน้าต่าง มองเห็นกระรอกน้อยแขวนกระดิ่ง เต้นไปมาบนต้นงิ้ว ด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู จึงอยากได้กระรอกเผือกตัวนั้น แล้วสั่งให้หาคนมาช่วยกันจับกระรอกนั้น กระรอกกระโดดยั่วยุไปมาบนต้นงิ้ว จึงทำให้นางไอ่คำโกรธ สั่งให้นายพรานผู้มือแม่นธนูมายิงกระรอกตัวนี้ แต่กระรอกก็รู้ว่าจะโดนนายพรานยิงจริงๆ จึงกระโดดหนีจากต้นงิ้วไปตามต้นไม้ต่างๆ ในนคร แต่ต้องไปหยุดอยู่ที่ต้นมะเดื่อที่กำลังสุกเต็มต้น
จุดจบของกระรอกน้อยหรือท้าวภังคี
จากผลกรรมแต่ปางก่อน และคำอธิษฐานของนางไอ่ ในชาตินั้นตามทัน ทำให้กระรอกน้อยมัวแต่กัดกินลูกมะเดื่อสุกด้วยความหิว กระทั่งโดนลูกศรของนายพรานทะลุกลางลำตัว ดิ้นทุรนทุรายก่อนขาดใจตาย ซึ่งก่อนตาย ท้าวภังคีในร่างกระรอกได้อธิษฐานว่า ขอให้ร่างกระรอกใหญ่โตขึ้นเท่าช้างสาร ให้เป็นอาหารเพียงพอสำหรับชาวเมือง แล้วกระรอกน้อยก็ตายตกลงจากต้นมะเดื่อ
หลังจากนั้นกระรอกตัวน้อยได้กลายเป็นกระรอกตัวใหญ่มหึมา นายพรานจึงประกาศให้คนมาช่วยกันลาก แต่ลากไปสักพักไม่มีแรงลากต่อ จึงแร่เนื้อกระรอกตรงบริเวณที่เรียกว่า บ้านท่าแร่ แล้วแบ่งแจกจ่ายกันจนทั่วทั้งเมือง นางไอ่คำและชาวเมืองต่างได้รับส่วนแบ่งเนื้อกระรอก ยกเว้นแม่ร้างแม่ม่ายที่ไม่ได้รับส่วนแบ่งนี้
บทความแนะนำ…คาถาหัวใจพญานาค (หลวงปู่อนันต์) เสกพระพุทธให้อยู่ในใจเรา
อดีตชาติของท้าวภังคีและนางไอ่คำ
อดีตชาติท้าวภังคีและนางไอ่คำเคยเป็นสามีภรรยากัน แต่ท้าวภังคีในชาตินั้นเป็นคนใบ้ นางไอ่ก็ดูแลปรนนิบัติสามีอย่างดี ครั้งหนึ่งทั้งสองได้เดินทางผ่านป่า และเจอต้นมะเดื่อสุกเต็มต้นในระหว่างทาง สามีจึงปีนขึ้นไปเก็บลูกมะเดื่อสุก โดยไม่สนใจภรรยาที่นั่งรอข้างล่าง และขอให้สามีโยนผลมะเดื่อสุกลงมาให้ แต่สามีก็ไม่ได้สนใจส่งผลมะเดื่อให้เลย เมื่อสามีกินอิ่มแล้วจึงลงจากต้นมะเดื่อแล้วเดินทางต่อ ส่วนภรรยารู้สึกหิว เลยไม่ได้เดินตามสามี แต่กลับปีนขึ้นไปบนต้นมะเดื่อ เก็บผลสุกกินกระทั่งอิ่ม แล้วจึงออกเดินตามหาสามี แต่หาอย่างไรก็ไม่พบ และนางก็นั่งเศร้า ทรมานเพราะไมเจอสามี นางจึงอธิษฐานว่า “ชาติหน้าขอให้สามีตายบนกิ่งไม้ หากแม้ได้พบกันก็อย่าได้เป็นสามีภรรยากันอีกเลย” พอมาถึงชาตินี้สามีกลับมาเกิดเป็นท้าวภังคี จึงต้องโดนศรตายบนต้นมะเดื่อ
ชาวเมืองเอกชะธีตากับเนื้อกระรอก
คำคืนที่ชาวเมืองเอกชะธีตาได้อิ่มหนำกับเนื้อกระรอก แต่ในเมืองบาดาล พญาราคราชทราบข่าวว่า ลูกชายของตน ได้ถูกศรตรายบนเมืองเอกชะธีตา และถูกชาวเมืองแบ่งเนื้อกิน จึงโกรธอย่างแรงและยกไพร่พลมายังเมืองเอกชะธีตา เมื่อเวลาดึกสงัดชาวเมืองหลับสนิท เกิดเสียงกัมปนาทรุนแรง เหมือนแผ่นดินไหวถล่มทลายกลายเป็นสายน้ำ คนที่กินเนื้อท้าวพังคีผู้นั้นจมหายไปในสายน้ำ เมืองทั้งเมืองกลายเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ในทันใด คงเหลือแต่บ้านของแม่ม่าย ผู้ไม่ได้รับส่วนแบ่งเนื้อกระรอกนั้น แล้วกลายเป็นเกาะแก่งท่ามกลางบึงหนองหานอย่างในปัจจุบันนี้
ท้าวผาแดงร้อนใจคิดถึงนางไอ่
เมื่อเวลาผ่านไปท้าวผาแดงคิดถึงนางไอ่มาก กระวนกระวายคิดถึงแต่นางไอ่เพียงคนเดีย จึงได้รีบเดินทางมาที่เมืองเอกชะธีตา จึงได้ทราบข่าวและเห็นเมืองกำลังล่มสลายนั้น จึงได้ขี่ม้าบักสามม้าคู่กาย ไปที่ตำหนักธิดาไอ่คำ และได้คว้าแขนนางขึ้นม้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ไอ่คำได้กินเนื้อกระรอกซึ่งเป็นท้าวภังคี ทำให้หนีไม่พ้น เพราะไม่ว่าม้าบักสามจะกระโดดไปยังที่ใด แผ่นดินก็ถล่มทลายตามที่นั้น
รวมทั้งบริวารบริวารของพญานาค ก็เนรมิตกายเป็นท่อนไม้ท่อนซุง ขวางกั้น เส้นทาง ท้าวผาแดงสู้ไม่ถอยพยายามหาทางหนีให้ได้ แต่สุดท้ายหางของพญานาค ก็แกว่งรัดเอาร่างของนางไอ่ ออกจากอ้อมกอดของท้าวผาแดงอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างของนางไอ่คำ จมหายไปในแผ่นน้ำ ต่อหน้าต่อตาผาแดงและสุดที่จะช่วยได้ ท้าวผาแดงหันกลับไปมองเมืองที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต กำลังจะสลายระรอกคลื่นที่พัดให้น้ำกระเพื่อม และกลายเป็นหนองน้ำใหญ่ มีแต่ดอนแม่ม่าย และความทรงจำความรัก ระหว่างผาแดงกับนางไอ่ไว้เท่านั้น
จุดจบของความรักของผาแดงต่อนางไอ่
เมื่อไม่มีนางไอ่คำแล้ว ท้าวผาแดงอยู่ไปก็คงไม่มีค่าอะไร จึงได้แต่ตรอมตรมอยู่กับความทุกข์ทรมานผู้เดียว แล้วผาแดงก็ตรอมใจตาย จากความอาลัยรักนางไอ่คำ เมื่อวิญญาณของท้าวผาแดง และท้าวภังคีได้พบกันเมื่อไหร่ ก็จะสู้รบกันแต่ละครั้งนาน 7 วัน 7 คืน โดยมีพื้นที่ใต้หนองหานเป็นสนามรบ โดยรบกันไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร ส่วนวิญญาณของไอ่คำ ถูกจองจำอยู่ใต้พื้นน้ำหนองหาน เพราะนางเป็นตัวการของเรื่องทำให้ท้าวภังคีต้องตาย จนกว่าจะถึงช่วงที่พระศรีอริยเมตตรัยเสด็จมาตรัสรู้ และจะมาโปรดตัดสินคดี จึงจะทำให้วิญญาณของนางไอ่คำ ท้าวผาแดง และท้าวพังคี พ้นจากบ่วงกรรมนี้ ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ เรื่องราวความรักและโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ซ่อนเรื่องราวของเรื่องวิบากกรรมไว้ให้คิด ไม่ว่าเราจะรักกันมากแค่ไหน สักวันก็ต้องจากกัน เพราะทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตน เหมือนผาแดงนางไอ่คำ ที่รักกันกระทั่งเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ขี่ม้ามารับคนรักของตัว เพื่อหวังจะเอาชีวิตให้รอด แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นกรรมที่ทำไว้และตายในที่สุด ใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้น
บทความแนะนำ…คาถาขอทรัพย์ บูชาพ่อปู่ศรีสุทโธ แม่ยาปทุมมา สายนาคาไม่ควรพลาด