ตำนาน เขี้ยวหมูตัน
หากเราดูภาพยนต์ไทยสมัยโบราณตั้งแต่สมัยใช้มีดใช้ดาบที่มีการสู้รบกับประเทศเพื่อนบ้าน เหล่าคงจะได้เห็นเครื่องรางที่หลากหลายที่คนในไทยในสมัยนั้นใช้กัน โดยมากเป็นเครื่องรางที่ได้จากธรรมชาติ เขี้ยว ขอ นอ งา คด ประมาณนั้น โดยเฉพาะ เขี้ยวหมูตัน เป็นเครื่องรางอีกประเภทหนึ่งที่นิยมมาตั้งแต่โบราณ ของขลังเหล่านี้มีอยู่ธรรมชาติ เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ นะครับ ถือว่าเป็นของที่หาได้ยากยิ่งโดยทีเดียว
สำหรับเขี้ยวหมูโดยทั่วไปแล้วนั้นจะมีลักษณะที่กลวงเข้าไปข้างใน แต่เขี้ยวหมูตันนั้นจะต้องตันตั้งแต่โคนจนถึงปลาย หากจับยกขึ้นดูจะรู้สึกว่ามีน้ำหนัก จะแข็งดุจหินและมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน กล่าวกันว่าเขี้ยวหมูตันนั้นจะเกิดขึ้นกับหมูป่าตัวผู้ที่เป็นจ่าฝูงซึ่งมันจะออกหากินเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น มีนิสัยห้าวหาญไม่เกรงกลัวใคร มีความแข็งแรงและว่องไวมากเป็นพิเศษ มีระบบประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยม หมูโทนลักษณะนี้เป็นที่สนใจของเหล่าพรานป่านักล่าของวิเศษ กล่าวกันว่าบางคืนที่เป็นวันพิเศษเขี้ยวของหมูตัวนั้นจะเรืองแสงออกให้เห็นเป็นสีเขียว
ในสมัยก่อนเมื่อพรานดักจับหมูลักษณะนี้ได้แล้วจะไม่ทำอันตรายมัน แต่จะนำไปเลี้ยงไว้จนมันแก่ตายตามธรรมชาติ เมื่อมันตายแล้วจึงพลีกรรมเอาเขี้ยวของมันออกมาเก็บไว้ใช้ ถือว่าเป็นของดีติดตัวไว้ป้องกันภัยอันตราย ฟันแทงไม่เข้า นักรบสมัยโบราณใช้กัน
วิธีสังเกตลักษณะของหมูที่มีเขี้ยวตัน
- เป็นหมูตัวผู้
- หากอยู่รวมกับฝูง จะเป็นจ่าฝูง หมูตัวอื่นจะเกรงขาม เป็นพญาหมู
- หากเที่ยวไปตัวเดียว จะไม่เกรงกลัวสิ่งใด
- มีระบบประสาทสัมผัสที่ดี รู้ว่าภัยจะมาถึงตน
- มีความฉลาดกว่าหมู่ทั่วไป
วิธีการได้ของมาของเขี้ยวหมูตัน
- หากจับได้ จะนำมาเลี้ยงจนมันแก่ตายตามธรรมชาติ แล้วค่อยเอาเขี้ยวมันมา
- นายพราน หรือคนเดินป่าอาจจะพบเห็นเขี้ยวหมูตันหลุดออกตามธรรมชาติติดอยู่กับหนองน้ำ หรือฝังอยู่ในดิน แต่โดยมากเมื่อเขี้ยวของมันหลุดออกมาแล้วมันจะฝังดินไว้
- นายพรานไปพบซากหมูเขี้ยวตันที่มันตายตามธรรมชาติในป่า ซึ่งจะทำพิธีขอมันมา
พุทธคุณของเขี้ยวหมูตัน
สำหรับพุทธคุณ หรืออิทธิคุณของเขี้ยวหมูตันนั้น เชื่อว่า
- ฟันแทงไม่เข้า
- ยิงไม่ออก หรือออกแต่ไม่ระคายผิว
- แคล้วคลาดปลอดภัย
- เป็นมหาอำนาจ ผู้คนเกรงขาม