หลายคนคงได้ยินคำว่า ผีกระหัง มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะลักษณะเกี่ยวกับผีกระหัง ที่ใครๆ ก็เคยชินกับผีผู้ชายที่ใช้กระด้งเป็นปีกในการบิน บางทีก็มีคนพูดว่าผีผู้ชายมีกระด้ง และใช้สากกระเบือตำข้าวไว้เป็นอาวุธ ซึ่งบางครั้งไม่แน่ใจว่าเรื่องที่พูดกันนั้น เป็นความจริงมากเพียงใด หรือจะเป็นเพียงเรื่องเล่าต่อๆ กันจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น เพราะฉะนั้นวันนี้เราลองไปดูเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีกระหังกัน ว่าในตำนานมีการกล่าวขานไว้อย่างไรบ้าง
ผีกระหังตามความเชื่อทั่วไป
ผีกระหัง หรือ ผีกระหาง เป็นผีที่อยู่ในความเชื่อของคนทั่วไป โดยเฉพาะทางแถบภาคอีสาน ซึ่งกระหังจะเป็นผีผู้ชายหรือเพศผู้ ลักษณะตรงข้ามกับกระสือ เพราะกระสือเป็นผู้หญิงหรือเพศหญิง โดยมีความเชื่อที่เล่าต่อๆ กันมาว่า คนที่กลายเป็นผีกระหังนั้น ในอดีตเคยเล่นไสยศาสตร์มนต์ดำ พอเวลาผ่านไปอาคมนั้นก็จะมีความแกร่งกล้ามากขึ้นจนไม่อาจควบคุมวิชาไสยศาสตร์มนต์ดำของตนเองได้ กระทั่งย้อนกลับเข้าหาตัว และกลายเป็นผีกระหังในที่สุด
รวมทั้งคนที่จะกลายเป็นกระหังได้นั้น จะต้องเป็นชายที่เคยผิดคำพูดหรือผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับครูอาจารย์ผู้สอนวิชาไสยศาสตร์มนต์ดำให้ เช่น สัญญาไว้ว่าจะไม่กินอาหารที่ปรุงจากพืชพวกบวบแต่ก็กิน หรือเดินลอดสะพาน ทั้งที่มีข้อห้ามเรื่องการเดินลอดสะพาน ด่าบิดามารดา หรือการนำผ้าถุงมาเช็ดปาก ซึ่งผิดครูบาอาจารย์จึงทำให้กลายเป็นกระหัง
ลักษณะของคนที่เป็นผีกระหัง
เรื่องราวเกี่ยวกับผีกระหังนั้น ไม่มีบันทึกไว้มากนัก และไม่ค่อยมีคนรู้จักแบบเจาะลึกเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยมีปรากฎตัวให้เห็นง่ายๆ คนทั่วไปจึงรู้เพียงว่ารูปร่างของกระหังจะเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป คือเป็นผู้ชายรูปร่างผอม แต่มีสิ่งที่พิเศษกว่าคนทั่วไปคือ กระหังจะมีหางอยู่ที่ก้น คนที่กลายเป็นกระหังจึงหวงก้นมาก ไม่ชอบให้ใครมายุ่งและมาลูบบริเวณก้นเล่น ด้วยความเกรงกลัวว่าจะมีคนจับไปโดนหางของมัน และจะรู้ว่ามันคือกระหัง มันจึงมักหลบหลีกการคบกับคนทั่วไป
อุปนิสัยของผีกระหัง
นิสัยของผีกระหังส่วนใหญ่ ไม่เคยมีรายงานว่าทำร้ายคนมาก่อน และไม่เคยปรากฏว่ากระหังทำร้ายใครจนเป็นอันตรายสาหัสเลย แต่จะมีนิสัยส่วนตัว คือ ชอบเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่คนเดียว ส่วนใหญ่ชอบอาศัยอยู่ในบ้านที่มีประตูหน้าต่างมืดทึบ ช่วงกลางวันผีกระหังจะทบทวน ตำราไสยศาสตร์มนต์ดำที่ร่ำเรียนมา แต่พอตกตอนกลางคืนจึงจะออกหากิน โดยผีกระหังจะสามารถบินได้ในตอนกลางคืน อุปกรณ์ที่ใช้ในการบินก็คือ การใช้กระด้งฝัดข้าวติดแขนทั้งสองข้าง เพื่อใช้สำหรับเป็นปีก และใช้สากตำข้าวผูดติดกับขาซึ่งใช้แทนหาง โดยบินออกหากินอาหารในช่วงกลางคืนเท่านั้น จึงมีนิสัยคล้ายๆ กับผีกระสือมากที่สุด ในบรรดาผีตามความเชื่อทั้งหลาย
อาหารของผีกระหัง
ผีกระหังกับผีกระสือ มีสิ่งที่ชอบกินเหมือนกัน คือ พวกของโสโครกทั้งหลาย ของคาวๆ ของเหม็นต่างๆ ตลอดจนรกเด็ก และเลือดสุนัข หรือบางทีจะสามารถเห็นกระหังอยู่ตามส้วม เพราะชอบกินอุจจาระเหมือนกับผีกระสือ โดยมูลเหตุที่ผีกระหังต้องกินของเน่าเหม็นโสโครกเหล่านั้น เพราะเกิดจากคำสาปของครูบาอาจารย์ที่เคยสอนสรรพวิชาให้ แต่กระหังไม่รักษาสัจจะและจารีต ที่ต้องปฏิบัติตามคำสอนของครูอาจารย์ จึงโดนคำสาปนั้น
ความต้องการตัวกระหังของจอมขมังเวทย์
ตามความเชื่อในสมัยก่อนผีกระหัง คือ ผู้มีวิชากลายร่างเป็นผีกระหัง โดยเป็นผู้มีความเก่งกล้าในคาถาอาคมต่างๆ รวมทั้งไสยศาสตร์มนต์ดำมากมาย จึงทำให้เมื่อกลายมาเป็นผีกระหังแล้วก็จะมีผู้ต้องการจับผีกระหัง โดยเฉพาะผู้มีวิชาอาคมทั้งหลาย ดังนั้นกระหังจึงถูกล่าจากหมอผี หรือจอมขมังเวทย์ เนื่องจากคนเหล่านี้ต้องการขโมยวิชาของกระหังมาเป็นของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่หมอผีและจอมขมังเวทย์ นำมาใช้เป็นอุปกรณ์ในการล่ากระหัง ได้แก่ แห เพราะกระหังเกรงกลัวว่ากระด้งของตัวเอง จะติดกับแหนั้นแล้วบินไปต่อไม่ได้และโดนจับในที่สุด อย่างไรก็ตาม กระหังเองก็มีอาวุธไว้ต่อสู้เช่นกัน คือ สากกระเบือตำข้าว หรือบางตำราก็บันทึกไว้ว่า กระหังจะใช้ไม้ไผ่หรือไม้ตะพดเป็นอาวุธก็มี
กระหังเป็นแล้วหายได้หรือไม่?
เรื่องของการเป็นกระหังแล้วสามารถหายได้หรือไม่นั้นมีคำตอบอยู่ด้วยกันหลายอย่าง ซึ่งก็แตกต่างกันออกไป โดยบางบันทึกมีบอกไว้ว่าใครที่เป็นกระหังแล้วจะไม่มีวันรักษาหาย แต่บางรายงานก็บอกว่า ถ้ากลายเป็นกระหังแล้วมีโอกาสหาย โดยการใช้สมาธิและออกบวชบำเพ็ญเพียรภาวนาแบบไม่มีวันสึก และจะค่อยๆ หายจากการเป็นกระหังไปในที่สุด แต่ถ้าเมื่อใดที่สึกออกมาจะทำให้อาการกระหังกลับมาเป็นอีก และคราวนี้จะไม่สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกตลอดกาล
เรื่องเล่าเกี่ยวกับผีกระหัง
ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2555 ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชื่อว่าหมู่บ้านลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา มีเรื่องเล่าที่ทำให้สังคมตื่นเต้น และแตกตื่นของชาวบ้านแห่งนั้น ซึ่งเรื่องนี้ได้ล่ำลือกันเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน โดยเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อถึงเวลาตกดึก หญิงสาวในหมู่บ้านก็หลับนอนตามปกติ แต่ต้องตกใจตื่นเมื่อถูกเงาที่มองไม่ชัด มีรูปร่างเป็นผู้ชาย มาลูบๆ คลำๆ ทั่วร่างกายเหมือนกำลังจะลวนลาม จึงรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมาดูให้ชัด เงานั้นก็หลบหนีหายไปอย่างว่องไวมาก ผิดจากวิสัยของคนธรรมดา
ซึ่งถ้าคนธรรมดาไม่น่าจะหายไปได้เร็วขนาดนั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่านั่นคือ ผีกระหัง แต่เมื่อมีการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกหลังจากจับกุมคนร้ายได้ว่า เงาลึกลับที่หญิงสาวภายในหมู่บ้านเห็นกันนั้น เป็นเพียงชายคนหนึ่งที่ติดยาเสพติด กระทั่งจิตใจไม่ปกติ และมาให้หญิงสาวหลายคนเห็น เรื่องของผีกระหัง ณ หมู่บ้านแห่งนี้ในจังหวัดนครราชสีมา จึงเป็นเพียงเรื่องเล่าต่อๆ กันเท่านั้น เรื่องของผีกระหังนั้น จะเป็นเรื่องจริงและมีอยู่จริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพียงตำนานที่มีการเล่าขานจากคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งก็ได้ แต่เรื่องของผีกระหัง ก็ได้ซ่อนคติความเชื่อเรื่องการให้ความเคารพ และเชื่อฟังครูบาอาจารย์รวมทั้งผู้ใหญ่ทั้งหลาย รวมถึงการปฏิบัติตามจารีตและข้อห้ามต่างๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นประโยชน์และมงคลกับชีวิตของตนเองมากที่สุด ฉะนั้นเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีกระหังนี้ จึงถือเป็นเรื่องของผีในตำนานของคนทั่วไปที่ให้ข้อคิดดีๆ อีกอย่างหนึ่ง