ผีปอบ เป็นผีพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งที่มีความน่าสยดสยองและน่ากลัว เพราะตามความเชื่อแล้ว ผีปอบนั้นสามารถกินอวัยวะภายในของคนและทำให้ถึงตายได้ จึงเป็นผีอีกชนิดหนึ่งในตำนานที่มีความน่ากลัวที่สุดในบรรดาผีทั้งหลายเช่นกัน โดยตำนานเกี่ยวกับผีปอบจะเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้ทุกคนได้รู้ ตามไปดูกันเลย
ตำนานและความเชื่อที่เล่าสืบต่อมาเกี่ยวกับผีปอบ
เรื่องของผีปอบนั้นมีการเล่าต่อๆ กันมามากมาย โดยเฉพาะทางภาคอีสาน ซึ่งมีเรื่องเล่าต่างๆ เกี่ยวกับผีปอบ ดังนี้
ผีปอบคือ ผีอะไร
ผีปอบ เป็นผีชนิดหนึ่งที่มีอยู่ตามความเชื่อของคนไทย โดยเฉพาะคนแถบภาคอีสาน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผีที่ชอบกินของดิบๆ สดๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม โดยคนที่จะกลายมาเป็นปอบนั้น ส่วนมากมักจะเป็นคนที่เล่นคุณไสยมนต์ดำ โดยใช้ความขลังแห่งวิชามนต์ดำ ไปทำร้ายผู้อื่นโดยไม่กลัวบาป อีกทั้งการทำกรรมชั่วบ่อยๆ แล้วไม่สามารถรักษาอาคมที่มีอยู่ได้ กระทั่งถูกอาถรรพ์ของไสยเวทย์ ย้อนกลับเข้ามาทำร้ายตัวเอง รวมถึงคนที่จะเป็นปอบจะมีการทำผิดข้อห้าม ผิดกฎบางอย่างหรือการทำผิดคะลำ วิญญาณของครูอาจารย์จะลงโทษคนทำผิด โดยการสั่งให้กลายเป็นปอบ ซึ่งผีปอบสามารถเป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ลักษณะของผีปอบเป็นอย่างไร
ผีปอบนั้นเป็นผีไม่มีตัวตน แต่ปอบจะมีจิตวิญญาณแห่งความคิดในทางมิจฉาทิฏฐิ สามารถเข้าสิงในร่างกายของคนที่เป็นสื่อได้ และจะใช้ร่างกายนั้นเพื่อไปทำการในสิ่งที่ไม่ดี และเชื่อว่าหากวิญญาณปอบเข้าสิงร่างคนใด ก็จะกินอวัยวะภายในของคนที่โดนสิงจนตาย โดยผู้ที่โดนกินจะนอนตายเหมือนกับนอนหลับธรรมดา โดยไม่มีบาดแผลใดๆ หรือที่เรียกกันว่า ใหลตาย
ความเชื่อเรื่องผีปอบ ตามหลักมานุษยวิทยา
ตามหลักการทางมานุษยวิทยาและทางสังคมศาสตร์ ความเชื่อเรื่องของผีปอบ เป็นกลไกการสร้างความเชื่อของคนในชุมชน เกิดจากความไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า รวมทั้งคนที่อยู่ในชุมชนเดียวกันด้วย โดยมีพฤติกรรมที่แปลกออกไป ซึ่งในโบราณเมื่อใครถูกมองว่าเป็นผีปอบ ก็ถึงกับต้องโดนขับไล่ออกจากหมู่บ้านด้วย
ความเชื่อเรื่องผีปอบตามหลักพระพุทธศาสนา
ตามตำนานในพระพุทธศาสนาเล่าว่า ผีปอบนั้นเป็นผีสายยักษ์ ซึ่งเป็นผีที่อยู่ในการปกครองของท้าวเวสสุวรรณ โดยเป็นผีที่เข้าสิงร่างมนุษย์เพื่อกินร่างนั้น และกินของคาวอาหารสดอื่นๆ หรือสัตว์ตัวเป็นๆ เช่น การกินเป็ดไก่ในเล้า อีกทั้งปอบจะอาศัยร่างเพื่อเป็นเหมือนร่างทรง แล้วจะไปเข้าสิงคนที่มีกรรมและเป็นสื่อทางนี้ได้ โดยเฉพาะคนที่เคยนับถือผีไว้เป็นที่พึ่งทางใจ และจะเรียกหาผีเวลามีทุกข์ จนเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อกันมา หรือเป็นคนที่มีจิตผูกพันกับผี รวมถึงคนที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่อเซ่นไหว้ผี เช่น ฆ่าเป็ด ไก่ วัว ควาย คนเหล่านี้มักจะกลายเป็นปอบ
ประเภทของผีปอบ
ผีปอบโดยทั่วๆ สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ตามลักษณะนิสัยของผีปอบแต่ละตัว ซึ่งแบ่งออกได้ 4 ประเภทดังต่อไปนี้
1.ปอบธรรมดา คือ ปอบที่ตายตามร่างที่สิง หากร่างของคนที่ถูกสิงตาย ปอบก็จะตายตามร่างไปด้วย
2.ปอบเชื้อ คือ ปอบที่เกิดมาจากการที่มีคนในครอบครัวเป็นปอบ เมื่อพ่อแม่ตาย ลูกหลานจะต้องเป็นคนที่สืบเชื้อสายปอบต่อ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นปอบทางกรรมพันธุ์ เป็นทายาทที่จะต้องสืบสานต่อ ซึ่งไม่ว่าลูกหลานจะเต็มใจหรือไม่ แต่ก็ต้องยอมเป็นปอบแบบรุ่นต่อรุ่นไม่มีวันจบ
3.ปอบแลกหน้า เป็นปอบที่มีความเจ้าเล่ห์ ชอบเอาความผิดไปโยนให้คนอื่น โดยเวลาที่ปอบแบบนี้เข้าสิงร่างของคน เมื่อโดนถามว่าเป็นใคร หรือใครเป็นคนเลี้ยงก็จะไม่ยอมบอกความจริง แต่จะโทษว่าเป็นคนนั้นคนนี้ โดยผู้ที่ถูกกล่าวถึงไม่ได้รู้เรื่องอะไร
4.ปอบกึกกัก ภาษาอีสานเรียกว่าปอบใบ้ คือ ปอบที่ไม่ยอมพูดจา จนกว่าจะมีคนถามหรือจนกว่าจะมีหมอผีมาไล่ ปอบตัวนั้นจึงจะยอมพูดความจริงว่าเป็นใคร หรือใครใช้ให้มาเข้าสิงร่างของคน
ผู้ที่โดนปอบเข้าสิงจะมีลักษณะอย่างไร
ผู้ที่โดนผีปอบเข้าสิง หรือที่เรียกว่าปอบเข้า จะมีอาการแตกต่างกันออกไป บางคนจะมีอาการดุร้าย บางคนนอนซมเหมือนคนป่วยหนัก หรือบางคนร้องให้รำพึงรำพันก็มี แต่สิ่งหนึ่งที่คนโดนผีปอบเข้าจะแสดงให้เห็น คือจะร้องเรียกหาอาหารสุกๆ ดิบๆ พวกเครื่องในต่างๆ และเวลากินอาหารจะตะกละมูมมาม อีกทั้งจะกินได้มากกว่าคนปกติ ซึ่งเมื่อญาติพี่น้องรู้ว่าคนไหนโดนปอบเข้าสิง จะต้องรีบให้หมอผีมาไล่และปราบทันที โดยผีปอบที่มีฤทธิ์เดชแก่กล้ามาก เมื่อได้เข้าสิงใครแล้ว จะไม่ยอมออกจากร่างง่ายๆ โดยทั่วไปปอบประเภทนี้เข้าสิงใคร มักจะเข้าสิงจนตาย
วิธีการไล่ผีปอบที่สิงอยู่ในร่างของคน
วิธีการไล่ผีปอบออกจากร่างคนนั้น มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับวิชาของหมอผีแต่ละคนที่ได้เรียนมา บางคนเอาพริกแห้งมาเผา แล้วรมควันกระทั่งร่างคนนั้นสำลักควันน้ำตาไหลพราก จากนั้นหมอผีจะข่มขู่และสอบถามว่ามาจากที่ไหน เมื่อปอบรับสารภาพ หมอผีจึงจะปล่อยตัวปอบไป ซึ่งต้องใช้เวลาในการถามนานมาก กว่าผีปอบจะยอมเปิดปากบอกความจริง
หลังจากผีปอบออกจากร่างแล้ว เจ้าของร่างก็จะค่อยๆ ได้สติ อาการนัยตาที่แดงก่ำเนื่องจากโดนรมควันก็จะหายไปทันที ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเจ้าของปอบนั้นจะมีอาการนัยตาแดงก่ำเหมือนสายเลือดแทน จนไม่กล้าสู้หน้าใครได้ และต้องหลบซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้านของตัวเองเท่านั้น
การใช้ไพลเสกจี้ตามตัวของร่างที่ผีปอบเข้าสิง
การไล่ผีปอบมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ จะมีก้อนกลมปูดนูนขึ้นที่ใต้ผิวหนัง เวลาที่โดนหมอผีเอาว่านไพลเสกจี้ตรงก้อนกลมปูดๆ นั้น ปอบที่แก่กล้าจะสามารถทำให้ก้อนกลมนี้เลื่อนไปจุดอื่นๆ ในร่างกายของร่างได้ และจะทำกลลวงหมอผีว่า วิญญาณของปอบได้ออกไปแล้ว ทั้งที่ยังคงสิงอยู่ในร่างนั้น ซึ่งวิญญาณของปอบมักจะเลื่อนก้อนกลมๆ นี้ หนีไปตามซอกขาหนีบอวัยวะเพศ จึงทำให้หมอผีหาไม่เจอ
หมอผีบางสำนักใช้หวายเฆี่ยนตี
การไล่ปอบที่นิยมของหมอผีอีกวิธีหนึ่ง คือ การเฆี่ยนตีด้วยหวาย แต่การเฆี่ยนด้วยหวายอาจจะเป็นการตีทั้งปอบและตีเจ้าของร่างด้วย ยิ่งปอบตัวไหนที่ขัดขืนหมอผียิ่งต้องเฆี่ยนตีอย่างหนักขึ้น กระทั่งทำให้เนื้อตัวเจ้าของร่าง มีรอยเขียวช้ำด้วยรอยหวาย แต่เมื่อปอบออกจากร่าง รอยเขียวช้ำนั้นก็พลันหายไปทันที ซึ่งวิธีการไล่ปอบแบบนี้ หมอผีจะต้องดูให้ดีก่อนว่า ผีปอบเข้าสิงจริงหรือผู้ป่วยมีอาการทางจิตกันแน่
เนื่องจากเคยมีกรณีที่มีคนป่วยมีอาการเหมือนผีปอบเข้าสิง ญาติจึงไปตามหมอผีมาไล่ โดยหมอผีได้ทำการเฆี่ยนตีอย่างแรง กระทั่งคนนั้นบาดเจ็บหนักมาก จนทนพิษบาดแผลไม่ไหวและตายลงในที่สุด ทำให้หมอผีและญาติต้องไปจบเรื่องผีปอบอยู่ในคุก
การไล่ปอบด้วยการใช้สัตว์น่าเกลียดข่มขู่
วิธีการหนึ่งที่บางสำนักของหมอปราบผีปอบใช้ คือ การเอาสัตว์ที่น่าเกลียดน่ากลัวมาข่มขู่ปอบ เช่น คางคก ตุ๊กแก หรืองู ซึ่งจะใช้กับร่างที่ปอบเข้าสิงในผู้หญิง เพราะเมื่อผีปอบโดนขู่ด้วยสัตว์น่าเกลียดเหล่านั้น ก็จะเกิดอาการขยะแขยง และยอมออกจากร่างไปง่ายดาย แต่คิดว่าคงเป็นวิธีการที่นำมาใช้น้อยที่สุด เพราะผีปอบส่วนมากจะเป็นผีหน้าด้าน ไล่ออกจากร่างคนด้วยวิธีดังกล่าวยากมาก
ใช้การจู่โจมผีปอบของหมอผีรุ่นครู
หมอผีรุ่นครูบางคน จะใช้วิธีการแบบจู่โจมด้วยการมัดข้อมือ ข้อเท้า และรอบคอด้วยสายสิญจน์ เพื่อไม่ให้ปอบหนีออกจากร่าง จากนั้นใช้ว่านไพลเสกจี้ลงไป ตรงบริเวณที่มีก้อนกลมๆ ใต้ผิวหนัง เมื่อก้อนกลมๆ นี้ย้ายที่ก็จะจี้ติดตามไปแบบไม่ยอมปล่อย ซึ่งเมื่อผีปอบโดนว่านไพลเสกจี้แทง ผีปอบจะร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด และทรมานแสนสาหัส จากนั้นหมอผีจะบังคับให้บอกว่าเป็นใคร ซึ่งปอบจะสารภาพว่าคือใคร หลังจากที่โดนทรมานกระทั่งเข็ดหลาบแล้ว สุดท้ายหมอผีจะแก้มัดสายสิญจน์ และปล่อยผีปอบตัวนั้นไป
หมอผีที่ปราบให้เจ้าของปอบอับอาย
การไล่ปอบที่ดุเดือดของหมอผีอีกวิธีหนึ่ง คือการทำให้คนที่เป็นปอบอับอายขายหน้าในสังคม โดยหมอผีจะใช้หม้อดินของแม่ม่ายที่มีเขม่าควันไฟจับหนามาครอบศีรษะของคนที่ถูกปอบเข้าสิง จากนั้นใช้มีดโกนขูดเขม่าควันไฟ เหมือนเป็นการโกนผมให้หายไปครึ่งหัว แล้วจึงปล่อยให้ผีปอบออกจากร่าง วิธีการนี้จะทำให้คนที่เป็นผีปอบหรือเป็นคนเลี้ยงปอบไว้ มีสภาพผมแหว่งหายไปครึ่งหัว ทำให้ไม่กล้าไปพบหน้าคนในชุมชน จนต้องอยู่แต่ในบ้าน หรือบางคนจะใช้ผ้าคลุมหัวตลอดเวลา ผีปอบเป็นตำนานผีพื้นบ้านของไทยที่ทำให้เห็นถึงเรื่องของบาปบุญคุณโทษ ทั้งก่อนเป็นผีปอบและหลังเป็นปอบ โดยมีการเบียดเบียนคนอื่น ก่อกรรมทำเข็ญมากมายแบบไม่เกรงกลัวต่อบาป ฉะนั้นหากไม่อยากเป็นปอบ สิ่งที่น่าจะป้องกันได้ คือ การทำความดีและละเว้นความชั่ว อีกทั้งยังต้องรักษาวิชาอาคม และสิ่งที่ได้เรียนมาเป็นอย่างดี โดยปฏิบัติตามกฎของครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัด เพราะหากทำผิดกฎก็จะทำให้เป็นปอบได้นั่นเอง