จากบทความก่อนที่ผมได้เขียนถึงปาฏิหาริย์ของกุมารดูดรก ในโพสต์ว่า ประสบการณ์ กุมารดูดรก อนันตโชค 2 แม้ยังไม่ใช่เรื่องโชคลาภ แต่เป็นเรื่องงงใจ ในโพสต์นั้นผมยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงทุกประการ ผมก็ยังหาเหตุหาผลไม่ได้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร หรือทำไม อาจจะเป็นการแสดงให้ผมรับรู้ถึงการมาของเค้าก็ได้ เมื่อผมได้เล่าเรื่องนี้ให้ท่านพระอาจารย์ อารยธัมโม ภิกขุ ทราบ ท่านก็ได้เมตตาเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับกุมาร ซึ่งก่อนนั้นผมก็ไม่กล้าถาม แถมยังแอบคิดในใจเล่น ๆ ว่าทำอะไรหลอกชาวบ้านหรือเปล่าหนอ (คิดเล่น ๆ นะครับ เพราะเว็บไซต์ของผมก็หากินกับความเชื่อนี่แหล่ะครับ บางคนก็อาจจะคิดว่าหลอกก็ได้)
ท่านอาจารย์ อารยธัมโม ภิกขุ ได้เมตตาเล่าความเป็นมาของมูลเหตุแห่งการสร้างกุมาร คร่าว ๆ ดังนี้
เดิมทีท่านอาจารย์เองก็ไม่เคยสนใจที่จะทำเครื่องรางของขลัง ประเภทกุมารหรือหุ่นพยนต์อะไรหรอกครับ แต่เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณปี 2560 ท่านกำลังชักชวนชาวบ้านโคกปรือสร้างเมรุเผ่าศพและต้องใช้งบประมานจำนวนมากเป็นล้านขึ้นไปแหล่ะครับ และตอนนั้นท่านก็มีเงินส่วนตัวแค่ 2,600 บ. ออกร่วมกับชาวบ้านได้รวมแล้วประมาณสี่พันกว่าบาท จึงได้นำเงินไปซื้อเครื่องเซ่นไหว้ธรณี ณ ที่ตรงที่จะสร้างเมรุ
ในคืนวันนั้นนั่นเองมีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกหลานของบ้านโคกปรือที่ทำงานอยู่กรุงเทพก็เปนเวลานานแล้ว นางก็ฝันว่ามีเด็กมาร้องห่มร้องให้ขอความช่วยเหลือบอกนางว่าเขาจะสร้างอะไรก็ไม่รู้ไปทับตรงที่เขาอยู่พอดี
ตื่นเช้าขึ้นมา นางจึงก็ได้โทรศัพท์ถามพ่อแม่ที่บ้านว่าที่ป่าช้าเขาจะสร้างอะไรกันหรือ เมื่อคืนหนูฝันว่ามีเด็กมาร้องให้ขอความช่วยเหลือ น่าจะเป็นลูกที่ตายเมื่อตอนคลอด ฝังไว้จนลืม จะด้วยเหตุบังเอิญหรือความตั้งใจหรือมีอะไรดลใจไม่ทราบ ผู้เป็นพ่อก็บอกท่านอาจารย์ว่าลูกหลานของเขาที่ตายถูกบริเวณนั้นครับ
ท่านพระอาจารย์จึงชักชวนชาวบ้านทำการขุดหาจนได้เจอ ซึ่งก็อยู่ตรงกลางที่จะสร้างเมรุนั้นเลย จากนั้นก็ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลนิมนต์พระมาติกาบังสุกุลให้เป็นที่เรียบร้อย
หลังจากที่ได้ทำบุญอุทิศไปให้แล้ว ต่อมาผู้เป็นแม่ก็มีโชคลาภติดต่อมาเรื่อย (ผมไม่ได้ถามท่านพระอาจารย์ว่าโชคลาภแบบไหน อย่างไร แต่สรุปผู้เป็นแม่ฐานะดีขึ้นเรื่อย ๆ )
ในฐานะพระอาจารย์ผู้เป็นต้นคิดชักชวนชาวบ้านสร้างเมรุนั้น ท่านก็ได้ฝันคือฝันแบบมีสติ รู้เห็นจดจำความฝันได้อย่างชัดเจนว่า มีเด็กชาย 2 คน หน้าตาสวยน่ารักมาก ๆ เหมือนไม่ใช่ลูกมนุษย์เลย (ท่านว่าอย่างนั้นนะ) ทำท่าเดินเข้ามาหาท่าน ท่านจึงเอ่ยเรียกว่า “ไอ้หนูเข้ามานี้ก่อนลูก มาทำอะไรกันลูก”
คนโตจึงพูดขึ้นว่า “อยากได้ของเล่นครับ”
และอีกคนก็พูดว่า “ผมอยากได้ของกินครับ”
ท่านจึงโอบเอาเด็กทั้ง 2 คนนั้นเข้ากอดด้วยความเอ็นดู ท่านพระอาจารย์เล่าต่อว่ารู้สึกว่าตัวของพวกเขานั้นนิ่มเหมือนสำลี มีกลิ่นตัวที่หอมมาก ๆ ผิดกับลูกมนุษย์ทั่วไป หอมติดจนกระทั่งตื่นแล้วก็ยังรู้สึกว่าหอม
ในความฝันนั้นท่านพระอาจารย์ได้หยิบเอาของเล่นให้เขาไป และอีกคนท่านได้ให้ของกินไปแล้วท่านก็ถามว่าหนูชื่ออะไรลูก คนที่ชอบของเล่นก็บอกว่าชื่อ อนันตโชคครับ ส่วนคนที่ได้ของกินก็ตอบว่า อนันตชัยครับ พอพูดจบพวกเขาก็กอดคอกันเดินหายวับไปกับตา
เมื่อตื่นขึ้นมาพระอาจารย์ก็พิจารณาความฝันช่างเหมือนจริงยิ่งนัก ทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำเหมือนได้พูดคุยหรือสัมผัสมากับตาเนื้อ จากนั้นท่านก็เริ่มวิเคราะห์พิจารนาลำดับเหตุการณ์ในความฝัน จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการสร้างกุมารชุดอนันตโชคอนันตชัยขึ้นมา ท่านพิจารณาด้วยปัญญาและพยามหาดูว่ามีกุมารของครูอาจารย์ท่านใดบ้างที่ตั้งชื่อนี้ก็ไม่พบ จึงได้ใช้ชื่อนี้ตามกุมารในความฝัน
ทีแรกท่านก็ปั้นกุมารอนันตโชคก่อน ส่วนกุมารอนันตชัยนั้นเกิดจากการนำเอากุมารอนันตโชคที่ยังเปียกอยู่ออกไปผึ่งแดดแล้วมวสารมันหดตัวลง จึงมีหน้าตาออกมาอีกลักษณะหนึ่ง
ก็เลยกลายเป็นกุมาร 2 ตน ตนที่ผึ่งแดดมวสารมันหดตัวลงเรียกว่ากุมารอนันตชัย


มวลสารในการจัดสร้างกุมารอนันตโชค-อนันตชัย


- ดินเชิงตะกอนที่เผาศพที่พาชาวบ้านขุดเอามาทำบุญให้ก่อน
- ผสมด้วยว่านมงคลหลายชนิดอย่าง
- แร่ ดินอาถรรพ์ น้ำมันจากว่าน
- ผงงาช้าง
คาถาบูชา กุมารดูดรกอนันตโชค–กุมารดูดรกอนันตชัย
คาถาบูชาหรือคาถาเรียกกุมารดูดรกอนันตโชค–กุมารดูดรกอนันตชัย อาจจะมีการถวายของกิน ของเล่นตามสมควร
- ตั้ง นะโม 3 จบ
- สวดคาถา “มะมะ จะ มหาภูตา อนัตตะกุมาโรวา ปิยะชะนานัง อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ จิเจรุนิ มามะ มามา”
- อุทิศส่วนบุญตามที่เราเคยทำมาให้แก่แก่กุมารทั้งสอง
- อธิษฐานขอตามความปรารถนา