สีผึ้งไก่ป่า ครูบาต๋า วัดบ้านเหล่า จ.เชียงใหม่ เป็นอีกสีผึ้งอีกหนึ่งสำนักที่คนถามหาว่าด้วยเรื่องประสบการณ์ที่บอกต่อกันมา ใครที่ยังไม่ได้ลองก็อยากจะลอง ส่วนใครที่ลองแล้วก็จะรู้ผลเองว่าเป็นอย่างไร สมกับคำล่ำลือหรือไม่
ครูบาต๋า วัดบ้านเหล่า จ.เชียงใหม่ ท่านได้เริ่มสร้างสีผึ้งในช่วงประมาณปีสองพันห้าร้อยต้น กล่าวได้ว่านั่นเป็นเครื่องรางยุคแรก ๆ ของท่าน เหตุที่สีผึ้งเป็นเครื่องรางยุคต้น ๆ ที่ท่านสร้างอาจจะเป็นเพราะว่าครูบาต๋าท่านมีความรู้ในเรื่องว่านยาสมุนไพรต่าง ๆ ท่านมีความแตกฉานในเรื่องสรรพคุณของว่านยาว่าว่านอย่างนี้มีคุณอย่างนี้ ว่านอย่างนั้นให้คุณในด้านใด ท่านจึงได้นำว่านยาที่ท่านมีอยู่และสะสมมาเพื่อทำสีผึ้งให้แก่ศิษย์และคนใกล้ชิด
ในการหุงสีผึ้งของครูบาต๋านั้น ท่านจะนำมวลสารจากว่านมงคลต่าง ๆ เป็นต้นว่า ว่านพญาไก่แดง, ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว, ว่านเสน่ห์จันทร์แดง, ว่านช้างเผือก, ว่านเครือเขาหลง, ว่านกาหลงรัง นอกจากนั้นยังได้มีชนวนเทียนชัยที่ท่านได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกมา
ท่านจะทำการเคี่ยวหุงสีผึ้งให้เสร็จภายในวันหนึ่งและคืนหนึ่งเรียกว่าเสร็จภายในทิวาราตรีนั้น และจะทำการหุงสีผึ้งกลางเมรุเผาศพผู้หญิงที่ตายท้องกลมในป่าช้า นั่นถือว่าเป็นตำราเฉพาะของท่าน ซึ่งครูบาสายเหนือท่านอื่นไม่ค่อยได้ทำกัน
เมื่อหุงสีผึ้งเสร็จแล้ว ท่านก็จะนำสีผึ้งนั้นบรรจุตลับยาหม่องเก่าบ้าง ตลับสังกะสีบ้าง ตลับพลาสติกบ้างเพื่อมอบให้ศิษย์หรือไม่ศิษย์ก็จะนำตลับมาใส่สีผึ้งจากท่านไปเอง ในเรื่องของตลับสีผึ้งนั้นจึงไม่ชัดเจนว่าต้องเป็นแบบไหน บางคนเมื่อได้สีผึ้งมาแล้วก็นำเครื่องของอื่น ๆ ของท่านบรรจุไว้ในตลับด้วย ที่พบเห็นก็ได้แก่ อิ่น นกสาลิกา ตะกรุด นางกวัก ปลาเงินปลาทอง เป็นต้น
สีผึ้งของครูบาต๋านั้นมีเอกลักษณ์อยู่อย่างคือสีผึ้งของท่านจะมีกลิ่นหอมอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะถูกเก็บไว้ในตลับที่ปิดนานแค่ไหนก็ตาม จะมีกลิ่นหอมอยู่เสมอ ไม่มีกลิ่นเหม็นอับ เข้าใจว่าน่าจะเกิดจากว่านต่าง ๆ ที่ท่านได้นำมาใช้ทำสีผึ้ง
เหตุที่ได้ชื่อว่าสีผึ้งไก่ป่า เพราะว่าท่านได้ทดลองนำสีผึ้งที่ท่านได้สร้างเสร็จแล้วนั้นนำมาป้ายไก่ป่าที่อาศัยอยู่ในป่าหลังวัด เมื่อท่านป้ายเสร็จแล้วปรากฏว่าไก่ป่าตัวนั้นไปยอมกลับเข้าป่าไป แต่เดินตามหลังท่านมาในวัดและไม่ยอมไปไหน วนเวียนอยู่บริเวณกุฏิท่าน (นี่เป็นเรื่องเล่า ถึงแม้ผมจะสงสัยว่า กว่าจะจับไก่ป่าได้ก็คงจะยาก และถ้าไก่ป่าตัวไหนยอมให้จับแสดงว่ามันคุ้นเคยกับคนหรือสถานที่แล้ว และไก่ป่าจริง ๆ มันก็คงอยู่ในป่าบริเวณวัดหรือติดกับวัดนั่นแหล่ะครับ)
แต่นั้นมา ข่าวที่ครูบาต๋านำสีผึ้งป้ายไก่ป่า และไก่ป่าไม่ยอมไปไหน ตามหลังครูบาต๋าเข้ามาในวัดก็เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว จึงทำให้ผู้คนมีความต้องการสีผึ้งของท่านมากยิ่งขึ้น ต่างก็เดินทางมาขอสีผึ้งจากท่าน จนท่านต้องสร้างสีผึ้งออกมาเรื่อย ๆ
วิธีการใช้สีผึ้งของครูบาต๋านั้น สามารถอธิษฐานตามต้องการแล้วทาได้ปากได้เลย โดยที่ไม่ต้องสวดคาถากำกับอีก หรือหากไม่ต้องการทาปากก็พกพาติดตัวก็เป็นเมตตามหาเสน่ห์ แต่วิธีหนึ่งผมว่าต้องมีคนอยากลองแน่ คือการนำไปป้ายสาว เพราะเชื่อว่าแม้แต่ไก่ป่าเมื่อถูกป้ายแล้วก็ยังทนอยู่ไม่ได้ต้องเดินตามคนป้ายมาติด ๆ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องเล่าอาจจะเกินจริงอยู่เสมอ ถ้าไม่ลองไม่รู้ ไม่พิสูจน์ไม่เข้าใจและยังสงสัยอยู่นั่นเอง
พุทธคุณสีผึ้งไก่ป่า ครูบาต๋า
- เด่นทางเมตตามหาเสน่ห์
- ทาปากเวลาติดต่อเจรจาพูดคุย
- ค้าขายดี เรียกลูกค้ามาหาเรา
- เจ้านายรัก เจ้านายเอ็นดู
- ส่งเสริมการงาน เลื่อนยศตำแหน่ง
พระองค์นี้ ผมใช้ภาพประกอบบทความเท่านั้น ขอบคุณเพื่อนทางไลน์ที่ใช้ชื่อว่า THE SEA