พระพุทธศาสนานั้นสอนให้ระลึกถึงผู้มีพระคุณ ผู้มีพระคุณคือผู้ที่ทำคุณต่อเราหรือต่อบุคคลผู้ที่เรารักและมีพระคุณต่อเรา ผู้มีพระคุณที่ผมจะกล่าวนี้ ได้แก่
- พระพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นศาสดาเองของโลก ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง ครั้นตรัสรู้แล้วก็ไม่หวง ทรงเมตตาสั่งสอนคนอื่นให้ตรัสรู้ตาม ใครจะรู้ตามพระองค์ พระองค์ก็ไม่หวง ทรงแนะนำหนทางแม้ความเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนพระองค์ พระองค์ก็ทรงชี้หนทางให้ จะมีศาสดาองค์ใดที่ใจกว้างเท่านี้
- พระธรรมเจ้า คือธรรมสั่งสอนขององค์พระพุทธเจ้า ที่ให้เราเลือกปฏิบัติตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน อันได้แก่ การแบ่งปันซึ่งกันและกัน ที่เรียกว่าทาน การรักษากายวาจากฎกติกาของสังคม ที่เรียกว่าศีล และ การทำจิตให้ผ่องใส เกิดความรู้ขึ้น ที่เรียกว่า ปัญญา นั่นเอง
- พระสงฆ์ เรารู้คำสอนในทางพระพุทธศาสนาส่วนหนึ่งก็มาจากพระสงฆ์ ตั้งแต่พระสงฆ์ยุคแรกที่บวชปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดา มีการสืบทอดทรงจำคำสอนเรื่อยมา จนถึงพระสงฆ์ยุคปัจจุบันนี้ พระสงฆ์ยังถ่ายทอดคำสอนอันดีงามนั้นสู่บรรพบุรุษหรือบุพการีของเรา อันมีมารดาบิดาเป็นต้น ซึ่งท่านก็ทำหน้าที่มารดาบิดาอย่างดีที่สุดตามหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาที่ท่านได้รับมา
- มารดาบิดา มารดา คือผู้ให้กำเนิด ส่วนบิดาคือผู้ยังให้เกิด งงไหม นั่นเป็นการแปลตามตัวอักษรของคำว่ามารดาบิดา มารดาบิดาจะเรียกว่าอะไรตามภาษามนุษยชาติก็ตาม แต่ท่านคือผู้มีพระคุณต่อเรา ท่านได้เลี้ยงดูเรามา มารดาบิดานั้น จะเป็นใคร ตกอยู่ในฐานะใด มีอาชีพอะไร นับถือศาสนาอะไร ท่านก็ยังเป็นมารดาบิดาของเรา เป็นผู้มีพระคุณต่อเราเช่นเดิม เป็นบุคคลที่เราพึงแสดงความกตัญญูกตเวทีเช่นเดิม นี่คือความใจกว้างของพระพุทธศาสนา
- ครูอาจารย์ คือผู้ให้วิชาความรู้แก่เรา ครูในที่นี้ คือผู้สอนสั่ง ผู้แนะนำ ผู้ฝึกมารยาทเรา แน่นอนว่ามารดาบิดาย่อมตกเป็นอาจารย์คู่แรกของเรา ซึ่งเรายกไว้ในฐานะมารดาบิดาผู้ให้กำเนิด ต่อมาก็ได้แก่อาจารย์ที่สอนสั่งเรา ให้ความรู้เรา ฝึกเราให้เป็นคนดี แม้คำพูดคำเดียวที่ทำให้เราเกิดความรู้ความสามารถกลับกลายให้เราเป็นคนดีมีความรู้ คนผู้นั้นก็ถือว่าเป็นอาจารย์เราได้ ซึ่งอาจารย์นั้นมีทั้งอาจารย์ในสถานการศึกษาและอาจารย์ในสังคมรอบข้างเราด้วย
ท่านทั้ง 5 นี้ ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ที่บุคคลไม่ควรประมาท ควรตามระลึกถึงพระคุณของท่านอย่างเนื่อง หากตอบแทนคุณได้ก็ควรตอบแทนคุณตามสมควรแต่ฐานะและโอกาส หากตอบแทนคุณใด ๆ ไม่ได้ด้วยการกระทำต่อหน้า ก็ควรที่จะตามระลึกถึงพระคุณของท่าน
โบราณาจารย์ ได้ประพันธ์คำกล่าวระลึกถึงพระคุณทั้ง 5 ไว้ เพื่อให้เราระลึกถึงก่อนนอน เรียกว่า คำไหว้ 5 ครั้ง ดังนี้
- นมัสการพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยคำว่า
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ.
กราบลงหนหนึ่ง - ไหว้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยคำว่า
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ.
กราบลงหนหนึ่ง - ไหว้พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า ด้วยคำว่า
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ.
กราบลงหนหนึ่ง - ไหว้คุณมารดาบิดา ด้วยคำว่า
มัยหัง มาตาปิตูนังวะ, ปาเท วันทามิ สาทะรัง.
กราบลงหนหนึ่ง - ไหว้ครูอาจารย์ ด้วยคำว่า
ปัญญาวุฑฒิกะเร เต เต, ทินโน วาเท นะมามิหัง.
กราบลงหนหนึ่ง
แต่นั้น พึงตั้งใจแผ่เมตตาจิตแผ่เมตตาไปยังเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ด้วยคำว่า
“ขอท่านทั้งหลาย
อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ
รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยด้วยกันหมดทั้งสิ้น เทอญฯ”
(เสร็จแล้วหลับนอนตามสบาย)