หลวงพ่อครูบาวัง กล่าวกันว่าท่านเป็นอาจารย์ของอดีตนายกรัฐมนตรีจอมพลถนอม กิตติขจร ครูบาวังท่านได้สร้างวัดบ้านเด่นตั้งแต่ยังเป็นป่ารกจนกลายเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองและเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วทุกสารทิศ ลูกศิษย์ของครูบาวังนั้นมีตั้งแต่ระดับอดีตผู้นำประเทศไปจนถึงชาวบ้านในระดับรากหญ้า วิชาม้าเสพนางนั้นเป็นวิชาเฉพาะของท่านและเป็นสัญลักษณ์ของวัดบ้านเด่น ผ้ายันต์ม้าเสพนางของครูบาวังทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้จักท่านและวัดบ้านเด่น ท่านได้สร้างเครื่องรางไว้หลายชนิด เช่น ตะกรุดม้าเสพนาง ผ้ายันต์ม้าเสพนาง สีผึ้ง และยันต์หนีบ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเครื่องรางที่ขึ้นชื่อและมีประสบการณ์มากมายโดยเฉพาะทางด้านเมตตามหาเสน่ห์โดยเฉพาะ เป็นเมตตามหานิยม ผู้คนให้ความรักความเมตตา ทำให้ศัตรูที่คิดร้ายกลับกลายเป็นมิตร นอกจากนั้นยังส่งเสริมในด้านโชคลาภค้าขาย ทำมาหากินคล่อง ผู้คนให้ความนับหน้าถือตา นำลาภผลมาให้

ตะกรุดพับยันต์หนีบครูบาวัง
ตะกรุดพับยันต์หนีบครูบาวังเป็นเครื่องรางอีกหนึ่งชิ้นของหลวงพ่อครูบาวังที่น่าใช้ น่าสนใจ อุปเท่ห์วิธีการใช้ตะกรุดยันต์หนีบนั้นมีดังนี้ หากต้องการให้บุคคลที่เกลียดเรา เจ้านาย หรือบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นคนที่เราต้องการให้เขารักเรา มีใจเมตตา รักใครเรา เอ็นดูเรา ให้เขียนชื่อวันเดือนปีเกิดของบุคลผู้นั้นใส่ลงในใบพลูแล้วสอดเข้าไปแผ่นยันต์อฐิษฐานและภาวนา่ด้ายคาถา’อะหิหัสสะ‘แล้วนำมาวางไว้ ใต้หมอนตอนหนุนนอน ท่านว่าเป็นเมตตามหาอำนาจมหานิยมดีนักแล
ยันต์หนีบของทางล้านนา อาจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละตำรา แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีลักษณะเป็นแผ่นโลหะ ที่พบเห็นมีทั้งที่เป็นทองแดง ทองเหลือง เนื้อเงินมีพบบ้างแต่ไม่มาก แผ่นโลหะที่ใช้ทำยันต์หนีบเหล่านี้คล้าย ๆ กับแผ่นโลหะที่ใช้ทำตะกรุดทั่วไป ต่างกันที่หลังจากลงอักขระเลขยันต์แล้ว จะไม่ม้วนเป็นแท่งกลม ๆ เหมือนตะกรุด แต่จะพับทบเป็นแผ่นสองด้านประกบกัน ปลายด้านหนึ่งอาจจะม้วนเพียงเล็กน้อย แค่พอที่จะสอดสายเชือกตะกรุดเข้าไป
คำว่าหนีบ ในที่นี้หมายถึง ประกบการบีบรัด การกดทับ โดยวิธีทำนั้นจะกระทำโดยการนำแผ่นเงิน แผ่นคำหรือแผ่นทองแดงโดยเอาทั้ง 2 ด้านของแผ่นยันต์มาประกบเข้าสิ่งของที่อยู่ข้างใน ทำให้บุคคลที่ถูกทำด้วยการทำยันต์หนีบตกอยู่ในอาการลุ่มหลงผู้ที่ทำ เกิดความสิเน่หา เกิดความรักใคร่ ลุ่มหลงซึ่งถือว่าเป็นศาสตร์แห่งวิชาทางไสยศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และนิยมกันมากในสายล้านนาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน
เมื่อต้องการจะทำพิธีหนีบจิตของคนรักให้เกิดความรักและเกิดความลุ่มหลงในตัวเรานั้น เขาให้ผู้ที่จะกระทำไปยืนที่ใต้ร่มโพธิ์ทางทิศใต้ คอยจนมีใบโพธิ์ร่วงจากกิ่งด้านทิศใต้ หากพบว่าเป็นใบโพธิ์คว่ำให้เก็บมาใช้เป็นตัวแทนของผู้ชายหากพบว่าใบโพธิ์หงายก็ให้เป็นตัวแทนของผู้หญิง ให้จำไว้ให้ดี อย่าทำสลับกันเด็ดขาดเพราะแทนที่จะทำให้เขาเกิดความลุ่มหลงในตัวเรา อาจกลับเป็นเราที่ไปลุ่มหลงเขาแทนมากกว่าแล้วจึงนำมาตัดเป็นแผ่นขนาดเท่ากับแผ่นยันต์หนีบจากนั้นเขียนชื่อ วันเดือนปี เกิดของเราและบุคคลนั้นลงไปในใบโพธิ์ แล้วเสียบลงไปที่ช่องอักขระยันต์ แล้วให้นำติดตัวพกใส่กระเป๋าเสื้อหรือห้อยคอไว้เสมอ หรือบางคนอาจจะสอดยันต์หนีบไว้ใต้หมอน หรือใต้เตียงให้ตรงบริเวณกึ่งกลางลำตัวของเราก็ได้ให้สังเกตุดูว่าภายใน 3 วัน 7 วัน จะสังเกตว่าพฤติกรรม ของเขาเปลี่ยนไป จากที่เคยพูดไม่ไพเราะก็จะพูดจาหวานหู กิริยาที่เคยแข็งกระด้างก็จะอ่อนนุ่ม กิริยาที่เคยเฉยเมยกับเรา ก็จะกลับเป็นคนอกเอาใจราวกับเป็นคนละคน ควรใช้ใบพลูที่มีส่วนปลายแยกออกเป็นสองแฉกโดยธรรมชาติที่เรียกว่า “พลูสองหาง” เป็นเครื่องรางพกติดตัวไปทำมาค้าขาย ด้วยเชื่อว่าจะช่วยให้ทำมาค้าขึ้น
อีกอย่างหนึ่งมักใช้ใบพลูให้เกิดประโยชน์เชิงคุณไสยให้หญิงชายรักใคร่ชอบพอกันโดยเขียนชื่อคนที่ต้องการให้รักกันลงบนพลูสองหาง แล้วพับใส่ใน “ยันต์หนีบ” สอดไว้ใต้หมอนหรือใต้ที่นอนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสำหรับยันต์หนีบนิยมทำจากแผ่นโลหะ โดยลงอักขระบนแผ่นโลหะ แล้วพับตรงจุดกึ่งกลางให้แผ่นยันต์พับเข้าหากัน เพื่อให้ด้านในนั้นเป็นที่สำหรับใส่ใบพลูสองหางที่จัดเตรียมไว้

ยันต์หนีบใช้ได้ทั้งเรื่องมหาเสน่ห์เมตตามหานิยมและใช้ทำน้ำมนต์ได้ สามารถใช้ได้หลาย ๆ ครั้งไม่จำกัดจำนวนครั้งที่ใช้ การใช้ โดยการเขียนชื่อคนที่เรารักหรือเจ้านายเราประกบกันใส่ลงไปในตะกรุดแล้วพกติดตัวไว้
บางตำราอย่างเช่น ตำหรับครูบาวังก็ให้ใช้ใบพลู หรือ พลูสองหาง บางตำราใช้โพธิ์คว่ำ โพธิ์หงาย บางตำราใช้กระดาษสา เป็นต้น
ตะกรุดพับนั้นใช้ได้หลายทางจริง แต่คนเหนือล้านนา โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ นั้นนิยมใช้ตะกรุดพับในเรื่องทางมหาเสน่ห์ โดยเขียนชื่อ สาวคนที่รักลงไปในตะกรุด การใช้ได้ผลหรือไม่นั้นเช่นเดียวกับเครื่องรางมหาเสน่ห์อื่น ๆ คือนอกจากเรื่องอิทธิคุณของตะกรุดแล้ว ยังต้องกอปรกับเรื่อง บุพเพสันนิวาส วาสนาบารมี และไม่ควรไปใช้ในทางผิดทำนองคลองธรรมผิดลูกผิดเมียผู้อื่น
ตะกรุดพับของครูบาวังนั้นตามตำราของท่านให้ใช้ใบพลู (จึงมีชื่อเรียกตะกรุดพับของท่านว่า ยันต์หนีบใบพลู) ให้เขียนชื่อเรากับคนที่เรารัก หรือ ชื่อเจ้านาย หรือ ชื่อผู้ที่เราต้องการให้เขารักเราลงไปที่ใบพลูแล้วเอาสอดไว้ในตะกรุด อธิษฐานตามประสงค์ ใช้พกติดตัว เวลานอนใส่ใต้หมอนไว้ ทำตามนี้แล้วตะกรุดจะออกฤทธ์ตามที่เราอธิษฐาน
นอกจากตะกรุดพับจะใช้เขียนชื่อคนที่เรารักเราชอบกับชื่อเรา ยังใช้เขียนชื่อเรากับชื่อเจ้านายเราก็ได้ หรือชื่อเรากับคู่คดีก็ได้ เรื่องโกรธก็จะหาย ถ้าใช้ในเรื่องมหาเสน่ห์หรืออิตถีนารีแล้วนั้นสิ่งใดไม่ขัดต่อเรื่องบุพเพสันนิวาสและศีลธรรมก็จะสมดังใจปรารถนา
สิ่งสำคัญในการใช้เครื่อวชงรางประเภทมหาเสน่ห์ใจของผู้ใข้ต้องมีความเชื่อมั่นในเครื่องรางนั้น ๆ มีใจเชื่อมโยงกับเครื่องรางนั้น ๆ อย่างการใช้ยันต์หนีบครูบาวัง เมื่อเราเขียนชื่อของบุคคลที่เราต้องการให้เขารักเขาเมตตาหนีบไว้ในยันต์แล้ว เราพกยันต์หนีบนั้นไว้กับเรา หรือเมื่อนอนก็นำไว้ใต้หมอน สวดคาถากำกับด้วยยิ่งดี ส่วนตัวเราเองให้ทำตนให้เป็นผู้มีจิตเมตตาเป็นที่ตั้งด้วย เพื่อจะได้สอดคล้องหรืออยู่ในแนวทางเดียวกับเครื่องราง ยิ้ม พูด สนทนาปราศัยด้วยคำพูดที่ไพเราะอ่อนหวาน จะได้ส่งเสริมความรักความเมตตาให้เร็วแรงและอยู่กับเรานานๆ