เว็บไซต์ สสส. เตือนประชาชนเกี่ยวกับการใช้กระติกน้ำร้อน ประมาณว่า
“น้ำ” ที่เราใช้ดื่มกินในทุกวันนี้ มักจะมีส่วนผสมของแร่ธาตุต่าง ๆ หลายชนิดด้วยกัน หากนำน้ำนั้นต้มจนเดือดแล้วเดือดซ้ำ ๆ หลายครั้ง จะทำให้น้ำนั้นระเหยกลายเป็นไอ แต่ก็จะไม่ระเหยไปทั้งหมด ซึ่งน้ำส่วนที่เหลืออยู่นั้น ก็จะมีปริมาณแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ ปะปนอยู่ในจำนวนที่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เกินมาตรฐานที่จะนำมาบริโภคได้
ซึ่งปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในขณะน้ำเดือดนานๆ นั้น มันก็จะส่งผลให้ไอออนของ ซิลเวอร์ไนเตรท ที่มีอยู่ในน้ำเปลี่ยนเป็น ซิลเวอร์ไนไตรท์ เป็นสารที่ส่งร้ายต่อร่างกาย ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกและระบบทางเดินหายใจ อาจจะทำให้ปอดเสียหายถูกทำลายได้ รวมไปถึงดวงตา ประสาทและเลือด นอกจากนั้นแล้วยังรวมถึงแร่ธาตุอื่น ๆ ที่มีปริมาณสะสมเพิ่มมากยิ่งขึ้นเพราะการระเหยของน้ำ อาจจะมากเกินไปที่ร่างกายสารมารถขับออกมาได้
นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวไว้ลักษณะนี้ว่า สำหรับผู้ที่ชอบดื่มชา กาแฟ โดยใช้กระติกน้ำร้อนพึงระวัง เพราะหากน้ำที่ใช้ต้มนั้นเป็นน้ำจากธรรมชาติ เช่น น้ำบาดาล น้ำบ่อ น้ำประปา ที่เป็นกรดในหม้อโลหะแล้วนั้น หากทำการต้มซ้ำ ๆ หลายครั้ง ก็จะยิ่งทำให้น้ำนั้นงวดขึ้นจนเกิดเป็นก้อนแข็ง ๆ ยึดเกาะตามผิวของกระติกน้ำร้อน กาน้ำหรือภาชนะต้มนั้น ๆ หรือที่เรียกว่า ตะกรันธาตุ ตกปนลงมาในน้ำนั้นมากขึ้น รวมทั้งน้ำแร่ต่าง ๆ ด้วย หากนำไปต้มซ้ำ ๆ หลายครั้งก็จะได้ตะกรันแถมเดียวเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงไม่ควรดื่มน้ำที่ต้มเดือดแล้วหลาย ๆ ครั้ง ทางที่ดี ควรที่จะต้มน้ำให้พอดีต่อการดื่มในแต่ละครั้งไป จำเป็นที่ต้องเปลี่ยนน้ำทุกครั้งหากต้องต้มน้ำดื่มใหม่ สำหรับกาต้มน้ำที่ใช้สำหรับชงกาแฟดื่มก็ไม่ควรตั้งกาต้มน้ำร้อนไว้ให้เดือดตลอดทั้งวัน เพราะอาจจะทำให้โลหะกร่อนลงมาปนกับน้ำได้ ควรหมั่นเปิดฝากาต้มน้ำดูบ่อย ๆ หากเห็นมีคราบตะกรันติดอยู่ให้รับล้างออกทันที
ที่มา : https://www.tnews.co.th/social/bg/409782